อดีตอธิบดีกรมศิลป์มาเอง ! เล่าเรื่องพระมหาจักรพรรดิ์ หนีสุลต่านไป “คลองมหาพราหมณ์” อยุธยา

เอนก สีหามาตย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร (แฟ้มภาพ)

สืบเนื่องกรณี “โครงการเฉลิมฉลอง 666 ปีกรุงศรีอยุธยา 25 ปีมรดกโลก พัฒนาการตามรอยทางของพระยาโบราณราชธานินทร์” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม ที่พช.จันทรเกษม ประกอบด้วยนิทรรศการวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปะ สถาปัตยกรรม, นิทรรศการภาพถ่าย “อยุธยาในมุมมองที่แตกต่าง” , เสวนาความรู้ใหม่จากการศึกษาเครื่องทองสมัยอยุธยา รวมถึงชีวิตและผลงานของพระยาโบราณราชธานินทร์ , การจัดการมรดกโลก 2 ทศวรรษ อีกทั้งการแสดงโขนตอน สร้างเมืองอโยธยา และเพลงโบราณจากจดหมายเหตุลาลูแบร์ ฯลฯ

นายเอนก สีหามาตย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวถึงความสำคัญของอยุธยา ซึ่งไม่ได้อยู่ที่เกาะเมืองเท่านั้น แต่สำคัญที่เส้นทางโบราณที่จะมาเชื่อมตัวเกาะเมือง ต้องดูภาพรวมทั้งหมด ซึ่งมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และชุมชนมากมาย รวมถึงแถบคลองมหาพราหมณ์ นอกเกาะเมืองทางทิศตะวันตก ซึ่งพงศาวดารกล่าวถึงเรื่องราวตอนสุลต่านปัตตานี ยกทัพมาช่วยกรุงศรีอยุธยารบกับพม่าสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พอพม่าถอยทัพไป กองทัพปัตตานีและอยุธยาทะเลาะกัน สุลต่านยึดวัง พระมหาจักรพรรดิ เสด็จหนีไป “เกาะมหาพราหมณ์” รวบรวมคนมาไล่กองทัพปัตตานีอีกรอบหนึ่ง แสดงว่าชุมชนแถบนี้เป็นที่รับรู้ของเจ้านาย เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ ปลอดภัย และมีพรรคพวก

นายเอนก กล่าวอีกว่า สมัยที่ตนยังเป็นรองอธิบดีกรมศิลปากรในช่วงน้ำท่วมอยุธยา เคยให้งบประมาณในการบูรณะวัดเกาะร้าง ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกภายหลัง เพราะอยู่บนเกาะมหาพราหมณ์ จากหลักฐานที่พบแสดงให้เห็นว่าแถบนี้เป็นชุมชนใหญ่ สำหรับแผนที่มีทั้งในเอกสารฝรั่งและแผนผังที่กรมศิลปากรเคยสำรวจไว้

“น่าจะพัฒนาเกาะมหาพราหมณ์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่คู่กับชุมชนและสังคม โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงมาก มีโบราณสถานก็บูรณะไป อาจทำเส้นทางเล็กๆ ส่วนชาวบ้านอยู่ก็อยู่ไปเหมือนเดิม ซึ่งน่าจะลงตัว ไม่น่ามีปัญหาในด้านการทำงานกับคนในพื้นที่ การพัฒนาเกาะนี้จะสื่อถึงการคมนาคม การใช้ชีวิตของคนสมัยอยุธยาที่ไม่ได้อยู่แค่ในเกาะเมือง แต่อยู่รอบๆ เกาะด้วย เหมือนชานพระนครในกรุงเทพฯ” นายเอนกกล่าว

Advertisement

 

พระยาโบราณ

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image