สพฐ.แจงอบรม ‘คูปอง’ ในวันธรรมดาแค่ 546 รุ่น  ชี้ครูแลกชั่วโมงสอน-ไม่ทิ้งห้องเรียน

นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์กรณีไลน์กลุ่มครูมีการวิจารณ์ถึงประสิทธิภาพของโครงการคูปองพัฒนาครูที่มองว่ามีจุดบกพร่องหลายประการนั้นว่า ชี้แจงว่าหลักการของโครงการคือ ครูเลือกเข้ารับการพัฒนาเองเพื่อนำความรู้จากการพัฒนามาใช้จริงกับผู้เรียน โดยผ่านการอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าจัดอบรมวันธรรมดาทำให้ทิ้งห้องเรียนนั้น จำนวนหลักสูตรที่จัดในวันหยุดมี 3,003 รุ่น คิดเป็น 84.62% ส่วนหลักสูตรที่จัดทั้งวันปกติและวันหยุดมี 546 รุ่น คิดเป็น 15.38% ซึ่งเป็นจำนวนไม่มาก รวมทั้งตามหลักการ เลือกอบรมแล้วจะมีขั้นตอนการอบรมที่ต้องผ่านการพิจารณา ดังนี้ 1.ครูจะเป็นผู้เลือก ซึ่งถ้าคิดว่าหลักสูตรนี้มีประโยชน์มาก นำไปใช้ได้จริง และอยากเข้ารับการอบรมมาก สามารถบริหารจัดการแลกชั่วโมงสอนกับครูในโรงเรียนเดียวกันได้ โดยทำบันทึกสลับชั่วโมงสอน 2.ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้อนุมัติที่จะให้ครูไปหรือไม่ โดยคำนึงถึงการต้องทิ้งห้องเรียน ดังนั้นประเด็นการทิ้งห้องเรียน เป็นสิ่งที่โครงการเน้นย้ำไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

“ส่วนจำนวนหลักสูตรที่มีมากเกินไปนั้น พบว่าทั้งหมด 1,460 หลักสูตรนั้น ถ้าเทียบกับจำนวนครูที่เข้าระบบเกือบ 400,000 คน แทบจะไม่เพียงพอ รวมทั้งข้อมูลการเลือกหลักสูตรจริงๆ ครูเลือกเพียง 903 หลักสูตร และเลือกแบบลงชื่อสำรองเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเหตุผลว่าควรเปิดให้หลากหลายและควรประชาสัมพันธ์ให้มีหลักสูตรที่เน้นด้านเฉพาะทางในแต่ละวิชาเพื่อให้ครูได้พัฒนาความรู้ในส่วนนี้ให้มากๆ ด้วย สำหรับคุณภาพของหลักสูตรนั้น จากกลไกการติดตามและการประเมินจริงจากครูทั่วประเทศ ส่งผลต่อการพัฒนาหลักสูตรจากหน่วยที่จัดได้เป็นอย่างดี คือ มีการถอนหลักสูตรแค่ 210 รุ่น จาก 22 หน่วยงาน โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถจัดได้ ดังนั้นการติดตามที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง จะทำให้ได้หลักสูตรที่มีคุณภาพคงอยู่ในระบบ และการประเมินจากข้อมูลจริง ทำให้จะมีแต่หน่วยจัดที่มีคุณภาพอยู่ในระบบต่อไป” นายบุญรักษ์กล่าว

นายบุญรักษ์กล่าวต่อว่า ส่วนความไม่ชัดเจนในการติดตามผลของการนำผลการอบรมไปใช้นั้น เรามีระบบการติดตามที่เป็นระบบ ดังนี้ 1.ครูประเมินผลหลักสูตรจากที่อ่านในลิสต์ว่าตรงกับที่อบรมหรือไม่แบบออนไลน์ 2.ผู้อำนวยการโรงเรียนประเมินหลังจากนั้น 4 สัปดาห์แบบออนไลน์ โดยจะประเมินครูว่าได้นำความรู้จากการอบรมไปใช้กับผู้เรียนหรือไม่ ถ้าไม่ใช้ ครูจะไม่ได้รับการสะสมชั่วโมงการพัฒนา ถ้าใช้ครูจะได้สะสมชั่วโมงการพัฒนาในแฟ้มสะสมผลงาน นอกจากนี้จะประเมินหน่วยอบรม ถ้าไม่ติดตามมาช่วยครูนำความรู้มาพัฒนาผู้เรียน ส่วนกลางจะส่งข้อมูลเพื่อใช้ในการพิจารณาหลักสูตรว่าจะถอนออกจากลิสต์หรือขึ้นแบล็กลิสต์แล้วแต่กรณี 3.ส่วนกลาง มีคณะทำงานติดตามแบ่งเป็นภาค วิเคราะห์ข้อมูลจากพื้นที่ และโซเชียลมีเดียต่างๆ ส่วนที่มีการเผยแพร่กิจกรรมบันเทิงนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เน้นกิจกรรมที่มีสาระในการพัฒนาการเรียนการสอนตามเกณฑ์ที่รับรอง ซึ่งห้ามขาดส่วนที่บันเทิง อาจเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานั้น ถือเป็นเรื่องของหน่วยอบรมหรือเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเองจากหน่วยอบรมก็แล้วแต่นั้น ขอเน้นย้ำว่าห้ามเก็บเงินครูเพิ่ม หรือห้ามสร้างภาระให้กับครู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image