นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.)ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)นครราชสีมาเสนอให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาออกแบบระบบการคัดกรองโรงเรียนที่จะเป็นนิติบุคคล โดยควรเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม และควรทดลองนำร่องโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษและโรงเรียนขนาดใหญ่ ไม่ควรทำแบบปูพรม พร้อมฝากบทเรียนจากการเป็นนิติบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่มีปัญหาการทุจริตมากในเรื่องการบริหารงานบุคคลและงบประมาณ บทเรียนจากคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษาและบทเรียนสมัยนายสุขวิช รังสิตพล เป็นรัฐมนตรีว่าการศธ. ที่เคยให้อำนาจโรงเรียนบรรจุครูได้เอง แต่กลับมีการทุจริตกันมากเป็นประวัติการณ์ โดยขอให้นำบทเรียนดังกล่าวมาสร้างระบบตรวจสอบกำกับติดตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมๆ นั้นว่า ยืนยันการให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล จะไม่ดำเนินการแบบปูพรม และจะไม่ใช่ตัวเลข 3,000 โรงเรียนตามที่คณะกรรมการอิสระฯ ระบุแน่นอนเพราะตัวเลขดังกล่าวเป็นโรงเรียนประจำอำเภอและโรงเรียนประจำจังหวัดเท่านั้น แต่ล่าสุดที่คุยกันจะมีตัวเลขมากกว่า 3,000 โรง เพราะจะมีโรงเรียนขนาดเล็กรวมกลุ่มกันด้วย แต่จะเป็นกี่แห่ง และจะเริ่มต้นได้เมื่อไรนั้น ตนยังตอบไม่ได้ ส่วนที่ฝากบทเรียนในอดีตนั้น ศธ.จะนำมาพิจารณาแน่นอนและจะระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
