ชง3สูตรให้ศธ.แก้ปมโครงสร้างใหม่ ไม่เชื่อคืนอำนาจมาตรา53บางส่วนได้ เดินหน้าชง’บิ๊กตู่’โละข้อ13คำสั่งคสช.

ธนชน มุทาพร ประธานชร.ผอ.สพท.

กรณีความขัดแย้งระหว่างผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) กับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในข้อที่ 13 ที่มอบอำนาจการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครู ตามมาตรา 53 (3)และ(4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้กับศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) จากเดิมที่เป็นอำนาจของผอ.สพท. ทำให้ผอ.สพท.ปฏิเสธการร่วมงานกับศธจ. เช่น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) นครราชสีมา เขต 7 ตอบปฏิเสธหนังสือของรักษาการศธจ.นครราชสีมา กรณีเชิญร่วมเป็นเกียรติประดับเครื่องหมายอินทรธนูแก่ข้าราชการครูบรรจุใหม่ด้วยข้อความว่า “ทราบ, ไม่ไป, ข้าราชการที่บรรจุใหม่ ล้วนเป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ทั้งสิ้น ควรให้ผู้บังคับบัญชาโดยชอบเป็นผู้ดำเนินการ” และต่อมารักษาการผอ.สพป.เชียงราย เขต 1 ตอบบันทึกส่วนราชการในจังหวัดเชียงราย ในสังกัดสป.ศธ. ที่ขอให้ส่งผู้แทนร่วมประชุมสรุปผลการจัดกิจกรรมการประกวดระเบียบแถวลูกเสือเนตรนารีระดับประเทศ ประจำปี 2560 ด้วยข้อความว่า “ทราบ , เนื่องจากเป็นเรื่องของแนวทางและเกณฑ์เท่านั้น หากอยากได้รายละเอียด ขอดาวน์โหลดไฟล์ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติได้, ไม่มีความจำเป็นต้องไป” กระทั่งนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มอบหมายให้นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดศธ. ร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยได้ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนของ ศธจ.และผอ.สพท. ได้แนวทางในการพัฒนาการปฏิบัติงานร่วมกัน 5 แนวทาง หนึ่งในนั้นคือ จะมีการแบ่งอำนาจในการใช้ตามมาตรา 53 (3) และ (4) ให้เป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่ายนั้น

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายธนชน มุทาพร ผู้อำนวยการ สพป.ชัยภูมิ เขต 1 ในฐานะประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) และรักษาการเลขาธิการสมาคมนักบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย(ส.บ.พ.ท.) กล่าวว่า ถ้าสามารถทำได้ตามนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดีและน่าพอใจระดับหนึ่ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สามารถทำได้

นายธนชน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านี้ชร.ผอ.สพท.เคยยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาที่เกิดจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของศธ. ดังกล่าว และต่อมามีหนังสือตอบกลับมาว่า มอบให้ศธ.ดำเนินการแก้ไขแล้ว ซึ่งแนวทางแก้ไขของนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. คือ การตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างปลัดศธ. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ตัวแทนจากศธจ. 10 คน และตัวแทนจากผอ.สพท. 10 คน โดยในส่วนของผอ.สพท. มีตนร่วมด้วย มาประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกและบูรณาการการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องไม่แก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560

นายธนชน กล่าวต่อว่า คณะทำงานลองกันมาแล้วทุกทาง ปรากฏว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากคำสั่งที่ 19/2560 ได้ เนื่องจากติดขัดข้อที่ 13 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560 ที่มอบอำนาจการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูในจังหวัดและกรุงเทพมหานครตามมาตรา 53 (3)(4)แห่งพ.ร.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นของศธจ.โดยความเห็นชอบของกศจ. ถ้ายังไม่มีการยกเลิกข้อที่ 13 ดังกล่าว การปฏิรูปการศึกษาก็ไม่สามารถเดินหน้าได้และกศจ./ศธจ.ก็จะไม่สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ภายในจังหวัดสมตามเจตนารมณ์ที่ตั้งขึ้นมาได้ เนื่องจากมัวแต่มาวุ่นวายกับงานบริหารบุคคล ฉะนั้นกศจ./ศธจ.ต้องปลดล็อกการติดหล่มงานบริหารบุคคลซึ่งชร.ผอ.สพท.คิดทางออกให้ 3 แนวทาง ดังนี้ 1.ทำตามข้อเสนอของศธ.ที่ว่าเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค(คปภ.)พิจารณาคืนอำนาจตามมาตรา 53 (3)และ(4)บางส่วนกลับมาเป็นของผอ.สพท. แต่แนวทางนี้เชื่อว่าจะไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากคณะทำงานเคยศึกษาข้อกฎหมายแล้วพบว่าการคืนอำนาจบางส่วนตามมาตรา 53 โดยไม่ยกเลิกข้อที่ 13 จะยังคงติดขัดมาตราและหมวดอื่นของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ทำไม่ได้

Advertisement

นายธนชน กล่าวต่อว่า แนวทางที่ 2.รัฐมนตรีว่าการศธ.เป็นคนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขอใช้อำนาจครม.ในการพิจารณาคืนอำนาจการบรรจุและแต่งตั้งตามข้อที่ 13 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560 ดังกล่าว กลับมาเป็นของผอ.สพท. โดยชร.ผอ.สพท.จะรวบรวมรายชื่อ 50,000 ชื่อเพื่อเป็นฐานในการสนับสนุนให้นพ.ธีระเกียรตินำเสนอผู้เกี่ยวข้องได้ทราบว่าเรื่องนี้นพ.ธีระเกียรติ ไม่ได้คิดและทำเอง แต่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ แต่แนวทางนี้ตนเชื่อว่านพ.ธีระเกียรติ ไม่กล้ารับแน่ เพราะเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560 คือโยกอำนาจการบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53(3)และ(4)ของผอ.สพท.ให้เป็นของศธจ. การเสนอคืนอำนาจดังกล่าว เท่ากับไปขัดเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคสช. และ3.เมื่อรัฐมนตรีว่าการศธ.ไม่กล้าเสนอเข้าครม. ทางชร.ผอ.สพท. จึงได้เสนอทางเลือกที่ 3 คือ ขอเป็นผู้เสนอนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.พิจารณายกเลิกข้อที่ 13 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 19/2560 เอง ซึ่งไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญด้วยเพราะตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมาย สามารถเสนอขอแก้ไขกฎหมายได้ ซึ่งขณะนี้ครูและนักเรียนซึ่งถือเป็นประชาชน กำลังเดือดร้อนจากการออกกฎหมายของคสช. ฉะนั้นเราจึงขอใช้ช่องทางนี้ในการแก้ไขปัญหา

“เกิดคำถามว่าทำไมเรื่องการบรรจุแต่งตั้งของข้าราชการครูในสังกัดอื่น ไม่ต้องเข้ากศจ. อย่างข้าราชการครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) ก็ไม่ต้องเข้าที่ประชุมกศจ. ทั้งที่มีตัวแทนของหน่วยงานดังกล่าว เข้าร่วมเป็นกรรมการในกศจ. แต่กลับมีแต่ข้าราชการครูสังกัดสพฐ. ที่งานบริหารบุคคล ต้องเข้าที่ประชุมกศจ.” ประธานชร.ผอ.สพท. กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความขัดแย้งกับศธจ.ดังกล่าว เกิดขึ้นกับผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย(ส.บ.ม.ท.) ได้ทำหนังสือถึงนพ.ธีระเกียรติ เพื่อตอบคำถามนพ.ธีระเกียรติ กรณีตั้งประเด็นคำถามผ่านสื่อว่า “รวมตัวขับไล่ศึกษาธิการจังหวัด ทำแล้วได้อะไร” โดยนายรัชชัยย์ ปฏิเสธการขับไล่ศธจ.เพราะศธจ.เข้ามาในช่องทางที่ถูกต้อง แต่ที่เคลื่อนไหวก็เพื่อให้ศธจ.ทำหน้าที่นโยบาย กำกับติดตาม สร้างแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาในจังหวัด ไม่อยากให้มาติดกับดักในเรื่องการบริหารคน และนายรัชชัยย์ ยังได้ตั้งคำถามย้อนถามกลับนพ.ธีระเกียรติ ว่าการมีศธจ. เด็กนักเรียนได้อะไร โดยยกตัวอย่างกรณีที่ศธจ.ตัดอัตรากำลังครูที่เกษียณอายุราชการประมาณ 1,000 กว่าคนซึ่งควรจะคืนสู่โรงเรียน แต่กลับนำอัตรากำลังดังกล่าวไปให้เป็นอัตรากาลังของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานศธจ./สำนักงานศึกษาธิการภาค(ศธภ.) ตลอดจนการมีศธจ./ศธภ.ทำให้งานช้าลงเพราะซ้ำซ้อน ศธจ.ต้องไปเป็นเครื่องไม้เครื่องมือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เนื่องจากศธจ.ไม่มีอัตรากำลัง ไม่มีงบประมาณ สุดท้ายต้องมาลงที่โรงเรียน ครู นักเรียน และเงิน ที่จะต้องไปบริการให้จังหวัด โดยนายรัชชัยย์ ย้อนถามนพ.ธีระเกียรติ ว่าทำอย่างนี้แล้วเด็กๆ นักเรียนได้อะไร

อ่านเพิ่มเติม

จูบปาก!! สป.ศธ.จับมือ สพฐ.คลอด 5 แนวทางปฏิบัติงาน ดึง ‘เขตพื้นที่ฯ-ศธจ.’ ปรองดอง
แสบๆ คันๆ!! ฟังคำตอบ ส.บ.ม.ท. ส่งตรง’หมอธี’ กับคำถาม ‘รวมตัวขับไล่ศึกษาธิการจังหวัด ทำแล้วได้อะไร’??
มาคุ! ชร.ผอ.สพท.ขู่ยื่น’บิ๊กตู่’แก้โครงสร้างศธจ.เองถ้า’หมอธี’ไม่รับลูก ซัด 8 เดือนปัญหาอื้อ เล็งล็อบบี้พรรค
แซ่ด! แบ่งกลุ่มงานสพท.ใหม่ เขตพื้นที่ฯ ทำแค่ ‘งานเสมียน’ ให้ศธจ.
ศธ.ออกประกาศแบ่งส่วนราชการ “เขตพื้นที่ฯ” มอบภารกิจ 12 ด้าน แต่ไร้อำนาจบริหารงานบุคคล
ศธ.เตรียมชง ‘คปภ.’ คืนอำนาจ ม.53 ให้ผอ.สพท.บางส่วน หลังผอ.สพป.งัดข้อศธจ.ปฏิเสธร่วมงาน
‘หมอธี’ปัดตอบกรณีความขัดแย้ง ‘สพท.-สป.ศธ.’ โบ้ยถามปลัดศธ.
คำตอบของเลขาฯ กพฐ. ต่อกรณีผอ.สพท.งัดข้อศธจ./สป.ศธ. ปฏิเสธร่วมงาน “ทราบ-ไม่ไป”
โผล่อีก! ผอ.สพป.เชียงราย 1 ตอบปฏิเสธสป.ศธ.เชิญร่วมประชุมลูกเสือ-เนตรนารี “ทราบ-ไม่จำเป็นต้องไป”
‘หมอธี’แจงไร้อำนาจแก้โครงสร้าง’ศธจ.’ หลังชมรม ผอ.เขตล่า 5 หมื่นชื่อจี้คืนอำนาจบรรจุแต่งตั้ง
ปฏิกิริยา ผอ.สพป.โคราช 7!! หลังฟังคลิปเสียงปลัด ศธ.ปรามกรณีตอบหนังสือ ศธจ. “ทราบ-ไม่ไป”
‘การุณ’ รับคลิปเสียงตัวเองจริง ย้ำให้กำลังใจศธจ.ทำงานเข้มแข็ง อย่าแตกแยกกับสพท.
ชมรมผอ.สพท.ต้านโครงสร้างศธจ. ล่า5หมื่นชื่อจี้รมว.ศธ.คืนอำนาจเขตพื้นที่ฯ
แชร์ว่อน!! คลิปเสียงปลัดศธ. กำราบผอ.สพป.โคราช7หลังงัดข้อศธจ.ปฏิเสธหนังสือเชิญ “ทราบ-ไม่ไป” (คลิป)
ผอ.สพป.โครราช 7 แจงปฏิเสธร่วมงานประดับอินทรธนูครูบรรจุใหม่ เหตุ ‘ศธจ.’ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาครูโดยตรง
แค่หนังตัวอย่าง’สพป.โคราช7ต้าน’ศธจ.’!! นักวิชาการจี้คสช.ลดอำนาจต้นสังกัด ให้ร.ร.เป็นนิติบุคคล
ศธ.รับ’ศธจ.-สพท.’ขัดแย้ง เรื่องปกติช่วงปรับโครงสร้าง เล็งโยกอำนาจ’ลงโทษทางวินัย-แต่งตั้งรก.’กลับสพท.
ฮือฮา!! ผอ.สพป.โคราช 7 ปฏิเสธหนังสือศธจ.โคราช เชิญร่วมงานครูบรรจุใหม่ “ทราบ-ไม่ไป”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image