“ไพบูลย์” ชี้ ม.24 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ให้อำนาจดีเอสไอสอบปากคำสมเด็จช่วงได้ แจงคดีรถโบราณจดประกอบผิด กม.เป็นคดีอาญา

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ประกาศจะทำตามกฎหมาย โดยออกหนังสือเรียกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาสอบสวน ภายหลังดีเอสไอได้เข้าไปสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ตามที่ทนายวัดปากน้ำฯ นัด ซึ่งเป็นการให้เกียรติท่านอย่างเต็มที่ แต่เมื่อไปถึงวัดปากน้ำฯ ทนายวัดปากน้ำฯ ใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยยกเอามาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ที่ระบุว่า “เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจดังต่อไปนี้” อนุ 4 ระบุว่า “มีหนังสือสอบถาม หรือเรียกบุคคลใดๆ มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานใดๆ มาเพื่อตรวจสอบ หรือเพื่อประกอบการพิจารณา” มาอ้างเป็นสิทธิ และให้เจ้าหน้าที่แจ้งประเด็นในการสอบปากคำมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จะได้ตอบเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นเดียวกัน แต่แท้จริงตามกฎหมายมาตรา 24 อนุ 4 ดังกล่าว ให้อำนาจดีเอสไอใช้ดุลพินิจว่าจะให้ผู้ถูกสอบตอบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้ถ้อยคำ

“ซึ่งตามแนวทางที่ผ่านมา ถ้าเทียบเคียงกับคดีของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็เคยถูกดีเอสไอเรียกสอบเช่นกัน แต่กรณีพระธัมมชโย ดีเอสไอไปสอบปากคำที่วัดพระธรรมกาย เนื่องจากพระธัมมชโยอาพาธ และการที่ทนายวัดปากน้ำฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์มีปัญหามากขึ้น”นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ออกมากล่าวหาว่า พล.อ.ไพบูลย์ ไม่ให้เกียรติสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นการหาเรื่องมากกว่า และไม่มีสิทธิยกประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในมาตรา 106/1 ได้มีการวางหลักไว้ว่าห้ามมิให้ออกหมายเรียกพยาน ดังต่อไปนี้ 1.พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ว่าในกรณีใดๆ และ 2.พระภิกษุ และสามเณรในพุทธศาสนา ไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่เกี่ยวกับคดีของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพราะคดีของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นคดีอาญา จะนำประมวลกฎหมายแพ่งมาใช้ไม่ได้

“ส่วนประเด็นที่ผมโดนโจมตีว่าเหตุใดถึงไปแถลงข่าวที่รัฐสภา แล้วไม่โดนตรวจสอบเหมือนพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) กรณีจัดแถลงข่าวที่วัดศรีสุดาราม หรือรัฐบาลใช้สองมาตรฐาน เรื่องนี้ขออธิบายว่า ก่อนวันที่พระเมธีธรรมาจารย์จัดแถลงข่าว ได้ประกาศผ่านสื่อออนไลน์เชิญชวนเครือข่ายไปร่วมงาน ซึ่งเข้าองค์ประกอบ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ ส่วนกรณีของผม และทนายวัดปากน้ำฯ ไม่โดนตรวจสอบ เพราะจัดแถลงข่าวโดยไม่ได้ประกาศให้คนมาร่วม จึงไม่เข้าข่ายองค์ประกอบ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ”นายไพบูลย์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image