สพฐ.ปลื้มโพล 96% ชี้ ‘พุธเช้าข่าวสพฐ.’ ช่วยโรงเรียนทราบ ‘นโยบาย-แนวปฏิบัติ’ เร็วขึ้น

เมื่อวันที่ 7 มกราคม นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รักษาการผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สตผ.) ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เปิดเผยว่า สตผ. ได้รายงานให้นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ได้รับทราบถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของโรงเรียนเพื่อเตรียมรองรับงานที่จะขับเคลื่อนนโยบายอย่างเข้มแข็งต่อไป โดยติดตามจากผลการฟังรายการพุธเช้าข่าว สพฐ.ในช่วงไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม – ธันวาคม 2560) ด้วยการสอบถามความคิดเห็นจากโรงเรียนทั่วประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 6 มกราคม 2561 ปรากฏว่า จากการสุ่มสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) 121 เขต จากทุกภาค จำนวน 7,446 โรงเรียนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อรายการ “พุธเช้า ข่าว สพฐ.” ได้รับคำตอบว่า โรงเรียนร้อยละ 95.88 ตอบว่าได้รับทราบข่าวสารนโยบายซึ่งเป็นข้อมูลแนวปฏิบัติได้เร็วกว่าเดิม ขณะที่ร้อยละ 3.87 ตอบว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.26 ตอบว่า ไม่จริง

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อว่า เมื่อถามต่อว่า ได้รับทราบข่าวสารนโยบายซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอมากกว่าเดิม ร้อยละ 95.31 ตอบว่าจริง ร้อยละ 4.45 ตอบว่าไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.24 ตอบว่า ไม่จริง เมื่อถามว่าได้รับทราบข่าวสารนโยบายซึ่งเป็นความถูกต้องชัดเจนมากกว่าเดิม ร้อยละ 96.31 ตอบว่า จริง ร้อยละ 3.52 ตอบว่าไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.17 ตอบว่า ไม่จริง เมื่อถามว่าได้รับทราบข่าวสารนโยบายซึ่งทำให้ระดับปฏิบัติมั่นใจมากกว่าเดิม ร้อยละ 94.61 ตอบว่าจริง ร้อยละ 5.12 ตอบว่าไม่แน่ใจและ ร้อยละ 0.27 ตอบว่าไม่จริง เมื่อถามว่าทำให้ครูมีมุมมองใหม่ในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระที่เกี่ยวข้องได้ ร้อยละ 94.41 ตอบว่าจริง ร้อยละ 5.44 ตอบว่าไม่แน่ใจและร้อยละ 0.15 ตอบว่าไม่จริง

รักษาการผอ.สตผ.กล่าวต่อว่า เมื่อถามว่าทำให้ครูมีความกระตือรือร้นค้นคว้ามีชีวิตชีวาในการจัดการเรียนการสอน ร้อยละ 90.33 ตอบว่า จริง ร้อยละ 9.31 ตอบว่าไม่แน่ใจ และ ร้อยละ 0.36 ตอบว่าไม่จริง เมื่อถามต่อว่า ทำให้ครูเกิดการพัฒนาสร้างนวัตกรรมเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน ร้อยละ 90.13 ตอบว่าจริง ร้อยละ 9.60 ตอบว่าไม่แน่ใจ และ ร้อยละ 0.27 ตอบว่าไม่จริง และเมื่อถามว่าทำให้ครูมีแนวทางในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้ ร้อยละ 92.36 ตอบว่าจริง ร้อยละ 7.40 ตอบว่าไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.24 ตอบว่าไม่จริง

นางเกศทิพย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อถามว่าตัวอย่างที่ได้รับชมสามารถนำไปเป็นประเด็นในกระบวนการ PLC ร้อยละ 94.09 ตอบว่า จริง ร้อยละ 5.60 ตอบว่าไม่แน่ใจและร้อยละ 0.31 ตอบว่าไม่จริง และเมื่อถามว่าโรงเรียนทราบข่าวครั้งแรกว่ามี “รายการพุธเช้า ข่าว สพฐ.” จากแหล่งใด ร้อยละ 90.41 ตอบว่า สพท.ต้นสังกัดแจ้ง/สั่งการ, ร้อยละ 7.96 ตอบว่า ทราบเองจากสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่, ร้อยละ 1.63 ตอบว่า ทราบจากโรงเรียนอื่นๆ บอกต่อ

Advertisement

นางเกศทิพย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อถามว่าโรงเรียนได้เริ่มรับชมรายการพุธเช้า ข่าว สพฐ. ตั้งแต่เมื่อใด ร้อยละ 44.24 ตอบว่า ตุลาคม 2560 ร้อยละ 27.84 ตอบว่า พฤศจิกายน 2560 และร้อยละ 27.92 ตอบว่า ธันวาคม 2560 และเมื่อถามว่า โรงเรียนรับชมรายการพุธเช้า ข่าว สพฐ.ในแบบใดเป็นหลัก ร้อยละ 9.84 ตอบว่า รับชมจากการถ่ายทอดสด ร้อยละ 25.76 ตอบว่า รับชมย้อนหลังจากแหล่งต่างๆ และร้อยละ 64.41 ตอบว่า เลือกรับชมทั้ง 2 แบบตามสะดวก
และเมื่อถามว่า ตั้งแต่ มกราคม 2561 จะเพิ่มเวลาสำหรับข่าวโรงเรียนตั้งแต่เวลา 7.30 – 8.00 น. ร้อยละ 17.16 ตอบว่า ทราบ/พร้อมรับชมสด ร้อยละ 31.76 ตอบว่า ทราบ/คงต้องดูย้อนหลัง และ ร้อยละ 54.08 ตอบว่า ทราบ/คงต้องใช้สองวิธี และเมื่อถามว่า โรงเรียนรับชมรายการพุธเช้า ข่าว สพฐ.ช่องทางใดเป็นหลัก ร้อยละ 7.63 ตอบว่า วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร้อยละ 12.61 ตอบว่า โทรทัศน์ DLTV ช่อง14 ร้อยละ 8.27 ตอบว่า โทรทัศน์ฯOBEC Channel ร้อยละ 21.93 ตอบว่า เว็บไซต์ www.obectv.tv ร้อยละ 46.76 ตอบว่า ยูทูบ obectv online และ ร้อยละ 2.79 ตอบว่า เฟซบุ๊ก/obectv online

“นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนจำนวนหนึ่งได้สะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้ดูรายการพุธเช้า ข่าว สพฐ. และมีคลิปดีๆ ในแต่ละกลุ่มสาระ พร้อมที่จะนำออกอากาศถ้าหากได้รับการติดต่อจาก สพฐ.” นางเกศทิพย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image