จี้สพฐ.สอบ ‘ผอ.รร.’ เตรียมฯน้อมเกล้า เบิกจ่ายเงินสมาคม ไม่มีสิทธิ-ไร้ใบเสร็จ

อัศวิน วรรณวินเวศน์ อดีตนายกสมาคมผุ้ปกครองและครู รร. เตรียมอุดมศึกษา น้อมเกล้า

อดีตนายกฯ-กก.สมาคมผู้ปกครองเตรียมอุดมน้อมเกล้ายกทีมออก ร้องศูนย์ดำรงธรรม-สพฐ.ตรวจสอบ ‘ผอ.ร.ร.’กล่าวหาเบิกจ่ายเงินนับล้านไม่มีหลักฐาน มึนมีค่ามือถือ-ค่าเช่าสนามกีฬาของโรงเรียนจัดกีฬาสี สพฐ.สั่งตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายอัศวิน วรรณวินเวศร์ อดีตนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตัวแทนสมาคมผู้ปกครองฯเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ขอให้ตรวจสอบนายจิณณภัทร พิบูลวิทิตธำรง ผู้อำนวยการโรงเรียน และพวก กรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันเบิกจ่ายเงินของสมาคมจำนวนนับล้านบาท โดยไม่มีการชี้แจงหลักฐานเอกสารรายละเอียดการเบิกจ่ายที่ถูกต้องต่อคณะกรรมการสมาคม เมื่อมีการทวงถามในที่ประชุมทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษรหลายครั้ง ก็ไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ นอกจากนี้ สมาคมยังมีจดหมายถึงเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แสดงสำเนาเอกสารเบิกจ่ายจากสมาคมเข้าบัญชีโรงเรียนตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน

นายอัศวินกล่าวว่า ทางสมาคมรู้สึกสงสัยในการเบิกจ่ายเงินซึ่งมีการหมุนเวียนทั้งสิ้นราว 12 ล้านบาท โดยทางโรงเรียนไม่สนใจข้อบังคับการเบิกจ่าย ไม่ได้ทำอย่างถูกต้องตามระเบียบที่ต้องผ่านคณะกรรมการบริหาร อีกทั้งมีการแก้ไขรายละเอียดโดยพลการ รวมถึงใช้เงินสมาคมโดยไม่เป็นไปตามจุดประสงค์ไม่มีเอกสารประกอบ ทั้งที่เงินดังกล่าวเป็นเรื่องของสมาคมไม่ใช่ของโรงเรียนจึงทวงถามด้วยวาจาถึง 2 ครั้ง และในการประชุมกลุ่มย่อย 1 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้า

นายอัศวินกล่าวว่า ต่อมาได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ชี้แจง เมื่อถึงกำหนดเวลายังไม่ส่งรายละเอียดอย่างครบถ้วน จึงต้องออกแถลงการณ์ และจัดประชุมใหญ่ พวกตนจึงยกทีมลาออกจากนายกและกรรมการสมาคมทั้งคณะ เพราะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของสมาชิก และไม่อยากมีส่วนรู้เห็นต่อการเบิกจ่ายเงินลักษณะดังกล่าว เบื้องต้นได้ร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรม รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว

Advertisement

“การใช้จ่ายเงินสมาคมต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนด แต่ที่ผ่านมาไม่เป็นอย่างนั้น เงินเข้าสมาคม สมมุติว่า 1 ล้านบาทเศษ เบิกไปไหนก็ไม่รู้ ในการเบิกจ่ายนั้น จริงๆ แล้วผู้อำนวยการไม่มีสิทธิเบิก แต่ทางธนาคารให้เบิกได้ เพราะนึกว่ามีสิทธิ เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นกรรมการกลาง ทำงานช่วยเหลืองานสมาคมตามที่ได้รับมอบหมาย โดยผู้อำนวยการโรงเรียนได้เซ็นชื่อในนามสมาคมให้คนคนหนึ่งเบิกได้ คือทำจดหมายโดยระบุว่า ด้วยทางโรงเรียนเปิดบัญชีไว้ในชื่อบัญชีสมาคมผู้ปกครองฯ ขอเปลี่ยนชื่อผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย ผมคิดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ถ้าผู้บริหารโรงเรียนทำตามขั้นตอน ตามระบบ ที่ผ่านมามีแต่การชี้แจงในที่ประชุมโดยฉายขึ้นแผ่นใส โชว์แต่ตัวเลข” นายอัศวินกล่าว

นายอัศวินกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่อยากตั้งคำถามว่าเป็นไปตามจุดประสงค์ในการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างไร เช่น ค่าโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น รวมถึงค่าสถานที่การจัดกีฬาสี 5,000 บาท ทั้งที่จัดในโรงเรียน เมื่อสอบถามก็ได้รับการชี้แจงว่าเป็นค่าตกแต่ง แล้วยังมีค่าพิธีกรซึ่งไม่ได้จ้างคนนอก แต่กลับมีค่าใช้จ่าย 3,000 บาท โดยชี้แจงภายหลังว่าเป็นค่าเครื่องแต่งตัว ยังไม่นับการสั่งตัดสูทให้ครู 180 ชุด โดยเบิกเงิน 3 แสนบาท ไม่ได้สงสัยเรื่องมูลค่าชุด แต่ถามว่าเหตุใดจึงถอนเงินจ่ายรวดเดียว

“อีกประเด็นสำคัญคือ มีเอกสารที่มีรายจ่ายจำนวนหนึ่ง เมื่อคำนวณแล้วมีเงินคงเหลือประมาณ 15,000 บาท แต่พอถามรายละเอียด ปรากฏว่ามีตัวเลขเหลือถึง 500,000 บาท ถ้าไม่จี้ถามจะเป็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่ใช่การจ้องจับผิด และไม่อยากทำลายชื่อเสียงของโรงเรียน ผมก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนคนแรก เป็นผู้บุกเบิก แม้เจ็บปวดก็ต้องออกมาเปิดเผยและตั้งคำถาม ไม่ใช่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม” นายอัศวินกล่าว

Advertisement

นายวัลลพ สงวนนาม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. กล่าวว่า สพฐ.ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. สั่งการให้นิติกร สพฐ.ลงพื้นที่ไปหาข้อมูล รวมถึงพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งสมาคมผู้ปกครองฯ และรองผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ยังไม่ได้คุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน เนื่องจากในวันที่ลงพื้นที่ผู้อำนวยการโรงเรียนติดภารกิจ ทั้งนี้ หลังจากการลงพื้นที่ ทางนิติกรได้รายงานข้อมูลที่ได้จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่เป็นเอกสารหลักฐาน รวมทั้งเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง

“เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย สพฐ.จึงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เรื่องนี้ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพราะนอกจากข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว ยังต้องดูรายละเอียดข้อมูลที่เป็นเอกสารให้รอบคอบ ยืนยันว่าเรื่องนี้ สพฐ.ไม่นิ่งนอนใจ และผู้ใหญ่ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน” นายวัลลพกล่าว และว่า ส่วนจะต้องออกคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนไปช่วยราชการที่ส่วนกลาง หรือที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก่อนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ถ้ามีความจำเป็น กรณีที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริง ก็อาจจะเสนอให้ย้ายออกนอกพื้นที่ก่อน

ชมคลิป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image