ส.บ.อ.ท.ต้านโอนร.ร.คืนศธ.

นายอดุลย์ ภู่ภัทรางค์ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย (ส.บ.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี ในฐานะนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้เสนอต่อประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ในประเด็นให้มีการพิจารณาถ่ายโอนทั้งโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)หรือในสังกัดหน่วยงานอื่น ให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ดูแล นั้นว่า ตนมีความเห็นแย้งกับข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันการจัดการศึกษาของอปท.ทั้งที่เดิมจัดเอง หรือโรงเรียนที่ถ่ายโอนมาจากศธ.ซึ่งส่วนใหญ่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และโรงเรียนที่จัดตั้งใหม่สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ต่างก็มีศักยภาพและมีการพัฒนาคุณภาพขึ้นไปเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากผลการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาต่างๆ

นายอดุลย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะระบบการบริหารงานของอปท.ไม่ว่าจะเป็นอบจ. เทศบาล และ อบต. ต่างก็มีสายงานการบริหารที่สั้น ชัดเจน และตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีงบประมาณที่มาสนับสนุนอย่างเพียงพอ จึงทำให้ผลสำเร็จของการจัดการศึกษาเพื่อชุมชนได้รับการตอบรับจากสังคมท้องถิ่นเป็นอย่างดี แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างในบางประเด็น แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ศธ. และอปท.ได้เข้ามาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้น ก็คิดว่าทิศทางและผลสำเร็จของการจัดการศึกษาจะเกิดขึ้น สามารถตอบโจทย์ในเรื่องทิศทางและคุณภาพของการจัดการศึกษาของประเทศไทยได้

“เดิมโรงเรียนสังกัด อบจ. ก็เป็นโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) แต่ได้ถ่ายโอนมาสังกัด อบจ. ร่วม 10 ปีที่ผ่านมา แต่ละโรงเรียนก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันคุณภาพของโรงเรียนที่สังกัด อปท. ก็ไม่น้อยกว่าโรงเรียนที่สังกัดหน่วยงานอื่นใด บางแห่งกลับจะมีคุณภาพที่ก้าวหน้ากว่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะอปท. มีปัจจัยความพร้อมต่างๆ มาสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพื้นฐานอยู่ที่หลักการของการกระจายอำนาจ ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะถ่ายโอนกลับมาที่ศธ. ขอให้คิดว่าเราช่วยกันจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือคุณภาพของการศึกษาของประเทศไทย” นายก ส.บ.อ.ท. กล่าว

นายก ส.บ.อ.ท. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามมีหลายประการที่เห็นด้วยกับ ส.บ.ม.ท.คือ ความมีอิสระในการบริหารงานโรงเรียน ซึ่งจะเป็นนิติบุคคล หรือไม่เป็นนิติบุคคล แต่กระจายอำนาจลงมาให้เต็มที่ให้โรงเรียนได้ทำภายใต้ความรับผิดชอบนั้น เป็นสิ่งที่พึงทำโดยเร็ว เพราะขณะนี้โรงเรียนต่างๆ ไม่ว่าสังกัด ศธ. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) บางอปท.ประสบปัญหามากมายที่ทำอะไรไม่ได้ภายในโรงเรียน เพราะไปรวมศูนย์อำนาจในส่วนกลางหรือต้นสังกัด อย่าลืมว่าโรงเรียนเปรียบเป็นสนามรบ หากไม่ให้ผู้บังคับบัญชาสนามรบตัดสินใจสั่งการอะไร ต้องถามศูนย์อำนาจทุกครั้ง โรงเรียนก็แตกพ่ายคือ ไม่มีใครอยากนำลูกหลานมาศึกษาเล่าเรียน และขอสนับสนุน ส.บ.ม.ท.ในเรื่องการมีกรมประถม กรมมัธยม เพราะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ต้องใช้คำว่าทางใครทางมัน ต้องเชื่อประเด็นหนึ่งคือ ไม่มีคนใด องค์กรใด หน่วยงานใดที่เก่ง มีความสามารถไปในทุกเรื่อง ต้องกระจายหาคน องค์กร หน่วยงานเฉพาะด้านมาดำเนินการบริหารจัดการ ดังนั้น ขอถ่ายทอดความคิดนี้ไปยัง กอปศ.ที่จะต้องกล้าทำอย่างจริงจัง กระจายความเสี่ยงในการจัดการศึกษาให้หลายแหล่ง หลายหน่วยที่มีความพร้อมจะจัดการศึกษาได้ดำเนินการอย่างอิสระ รับรองว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการ จะเกิดขึ้นได้แน่นอน

Advertisement

อดุลย์ ภู่ภัทรางค์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image