เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย(ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ระบุว่าหากนำอัตราว่างของตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนจำนวน 3,400 อัตราไปสอบบรรจุผู้อำนวยการ จะมีผลคือสอบได้แล้วแต่ก็ยังบรรจุไม่ได้เพราะมีเงื่อนไขต้องรอจนกว่าศาลปกครองจะปลดล็อกคำสั่งชะลอการย้ายนั้นว่า การสอบบรรจุบุคคลเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น จำเป็นต้องเร่งทำโดยเร็ว เนื่องจากคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ไม่ได้ดำเนินการให้มีการสอบขึ้นบัญชีผู้บริหารโรงเรียนไว้ตั้งแต่ปี 2560 ประกอบกับหลักเกณฑ์การย้าย ทั้งหลักเกณฑ์ ว9 และ ว24 ต่างก็มีบทบัญญัติให้แต่ละเขตพื้นที่ฯ กำหนดสัดส่วนการย้ายกับการบรรจุผู้สอบขึ้นบัญชีไว้ในสัดส่วนที่เท่ากัน ดังนั้นหากมีการใช้เกณฑ์ ว 9 เพื่อดำเนินการย้ายผู้บริหารโรงเรียนตามคำแนะนำของศาลปกครองอุบลราขธานีและมีผู้สอบขึ้นบัญชีไว้แล้ว ก็สามารถเรียกบรรจุผู้สอบขึ้นบัญชีเป็นผู้บริหารได้ทันที ทั้งนี้เป็นไปตามที่ได้มีการบัญญัติไว้ในหลักเกณฑ์การย้าย
นายรัชชัยย์ กล่าวอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ควรมีหนังสือแจ้งคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)ให้กันอัตราว่างที่มีอยู่ทั้งของเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาไว้ในสัดส่วนที่เท่ากับจำนวนที่จะรับย้ายเพราะหากกศจ.ใดไม่กันอัตราว่างไว้เพื่อเรียกบรรจุผู้สอบขึ้นบัญชีได้ ก็จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องให้ยกเลิกเพิกถอนการย้ายและจะทำให้เกิดปัญหาที่พันกันวุ่นวายจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพการจัดการศึกษาและยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยังจะทำให้ภาพลักษณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เสียหายอีกด้วย เนื่องจากมีปัญหาไม่สิ้นสุด
“ก.ค.ศ.ควรมีมติให้ยกเลิกการใช้เกณฑ์การย้าย ว24 ไปเลย แล้วให้มีการประกาศใช้เกณฑ์ ว9 เป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการย้าย เพราะหากมีการประกาศยกเลิกเกณฑ์การย้ายตาม ว24 ก็จะส่งผลให้ศาลปกครองอุบลราชธานีต้องจำหน่ายคดีเพราะไม่เกิดข้อพิพาทใดอีก สำหรับกศจ.ใดที่ได้มีคำสั่งย้ายไปแล้วและไม่ได้นำความในข้อ 10 และ ข้อ 11 ของหลักเกณฑ์การย้ายตาม ว24 มาใช้ ก็ไม่มีผลกระทบอะไร การประกาศยกเลิกเกณฑ์การย้ายตาม ว24 จึงเป็นการแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ” นายกส.บ.ม.ท. กล่าว
