ฉบับที่2!! ‘รจนา’ ร่อน จม.เปิดผนึกฉบับที่ 2 ชี้ ปธ.สอบฯ พูดเท็จ ยันไม่เคยได้รับโทรศัพท์นัดให้ปากคำ

เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ ศธ.ผู้สื่อข่าวรายงายว่า มีผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างนำซองเอกสารซึ่งจ่าหน้าถึงผู้สื่อข่าวทุกสำนักใน ศธ.มาส่งยังห้องสื่อมวลชน ศธ.เมื่อเปิดซองพบว่าภายในเป็นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ลงชื่อนางรจนา สินที อดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออกจากราชการกรณีทุจริตกองทุนเงินเสมาพัฒนาชีวิต เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามผู้ขับขี่จักรยานยนต์ดังกล่าว บอกเพียงว่ามีผู้ว่าจ้างจากเมืองทองธานีให้นำเอกสารดังกล่าวที่ห้องสื่อมวลชน ศธ.โดยไม่รู้รายละเอียดอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อความในจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ระบุว่า กราบเรียน นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ตามที่ดิฉันนางรจนา ซึ่งรับผิดชอบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ได้กราบเรียนท่านนายกฯ ตามจดหมายเปิดผนึกฉบับก่อนไปในหลายประเด็น พบว่าทางรัฐบาลได้เร่งรัดบางคดีที่เกิดการทุจริตได้อย่างดี ซึ่งทำให้ยุติความเสียหายต่อราชการ และประชาชนได้ทันท่วงที และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมได้บ้าง อันจะทำให้เกิดความยำเกรงต่อไป ทั้งนี้ การที่ดิฉันได้ออกจดหมายฉบับที่ 2 เพื่อนำกราบเรียนข้อความจริงที่สังคมควรจะต้องรับรู้ และมีประเด็นที่บ้านเมืองจะได้ประโยชน์จากการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในช่วงเวลานี้กล่าวคือ

1.กรณีของดิฉันที่ได้กราบเรียนไปว่าการพิจารณาโทษทางวินัยนั้น กระทำการโดยเร่งด่วน รวบรัดประเด็นการพิจารณาโทษทางวินัยของดิฉัน ผิดหลักการขาดความชอบธรรม ไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเรียกสอบสวนตามที่ควรจะเป็น และเร่งรีบสรุปผลสอบวินัยทันที จำนวนเงินยังไม่ได้ข้อยุติต้องสืบค้น ทั้งนี้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ในกรณีนี้ก็ส่อพฤติกรรมมีข้อสงสัยให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และยังลุแก่อำนาจในบางประการ อาทิ

1.1 ในการให้ข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อวันที่ 6 เมษายน หน้าที่ 13 ของนายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่ามีการนัดหมายนางรจนาให้ปากคำในวันที่ 5 เมษายน และกล่าวว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้โทรไปคุยกับนางรจนา เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยนางรจนาพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ไม่สดชื่น พร้อมยังยืนยันว่าการดำเนินการเพียงคนเดียว ซึ่งนายอรรถพลกล่าวเท็จทั้งสิ้น เพราะว่าดิฉันไม่เคยได้รับการติดต่อไปให้ปากคำแต่อย่างใด ส่วนที่แจ้งว่าโทรหาดิฉันนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ของดิฉันได้ถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เก็บไปในวันที่บุกค้นบ้านของดิฉันเมื่อวันที่ 23 มีนาคม และในช่วงนี้ดิฉันถูกโทษวินัยร้ายแรงไล่ออกจากราชการแล้ว จะให้ไปสอบอะไรอีกท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว “โปรดอย่าพูดปลด เอาดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่น”

Advertisement

1.2 ในช่วงเวลาต่อมา นายอรรถพลได้ให้ข้อมูลต่อสื่อว่าดิฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการโอนเงินไปให้บุคคล หน่วยงานอีกหลายแห่ง แม้กระทั่งว่าบังคับให้เด็กเปิดบัญชีเอาเงินผ่านเพื่อ “โกงรัฐ” อย่างน่าอับอาย ซึ่งไม่เป็นความจริง

1.3 ขณะเดียวกันใช้อำนาจเรียกโดยวาจาให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับกรณีของดิฉันมารายงานตัวให้ข้อมูล ทั้งที่คนเหล่านี้ยังบริสุทธิ์ และบางคนไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ด้วยความเคารพต่ออดีตผู้บังคับบัญชา ดิฉันกล้ารับถูก รับผิด ถ้าเรากระทำจริง แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนที่เข้ามาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์รัฐ และพิทักษ์ความเป็นธรรมแล้วมีพฤติกรรมดังกล่าวที่ว่า “บุคคลใดกล่าววาจาเป็นเท็จนอกจากจะไม่สุจริตแล้ว จะหาความเที่ยงธรรมก็ลำบากเหลือประดา” จึงกราบเรียนท่านนายกฯ โปรดพิจารณาตรวจสอบพฤติกรรมของข้าราชการท่านดังกล่าว ว่าเหมาะสมในการทำหน้าที่ตรวจสอบให้ความเป็นธรรมหรือไม่ และอาจเข้าข่ายทำผิดระเบียบวินัย และกฎหมายกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ราชการเสียหายด้วยหรือไม่

2.ในกรณีคดีทุจริตคอรัปชั่นใน ศธ.จำนวนมากที่ผ่านมา โปรดสั่งให้ตรวจสอบด้วยว่าความเสียหายเป็นอย่างไร เช่น 2.1 คดีในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หลายคดี ความเสียหายหลายพันล้านบาท 2.2 คดีการก่อสร้างสนามฟุตซอลทั่วประเทศ เสียหายหลายร้อยล้านบาท 2.3 โครงการไทยเข้มแข็งของอาชีวศึกษา เสียหายหลายพันล้านบาท 2.4 ความเสียหายการสร้างอควาเรียมสงขลา เสียหายกว่าพันล้านบาท 2.5 ความเสียหายโครงการ MOE NET ศธ.เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท 2.6ความเสียหายโครงการ CCTV ใต้ เสียหายกว่า 400 ล้านบาท ฯลฯ

Advertisement

3.กรณีการทุจริต “โกงเงินคนจน” ในกระทรวง พม.เป็นปรากฎการณ์เกิดขึ้นแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผู้กระทำผิดจำนวนมาก ความเสียหายจำนวนมาก และส่งผลต่อผู้ด้อยโอกาสจำนวนมาก หลักฐานชัดเจน แต่การลงโทษทางวินัยข้าราชการระดับสูง “ให้ออกชั่วคราว” ทำไมไม่กระทำเป็นบรรทัดฐานเดียวกับกรณีของดิฉันซึ่งโทษถึงขั้น “ไล่ออกจากราชการแล้ว”

ท้ายนี้ ดิฉันขอยืนยันว่าจะไม่หนี จะสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทย และกรณีมีผู้สงสัยว่าจดหมายเปิดผนึกฉบับลงวันที่ 5 เมษายน เป็นของดิฉันหรือไม่นั้น ดิฉันยืนยันอีกครั้งว่า เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเสนอข้อมูลที่จะเกิดประโยชน์กับสังคมเช่นนี้เป็นระยะ เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของดิฉัน และของเพื่อนข้าราชการทุกคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตลอดทั้งเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และประเทศให้ถึงที่สุด

ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า ยังไม่เห็นจดหมายดังกล่าว ยังไม่ทราบว่าจดหมายฉบับแรก และฉบับล่าสุดเป็นของจริงหรือไม่ ส่วนที่ในจดหมายฉบับที่ 2 อ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของตน โดยระบุว่าที่ตนบอกว่าได้โทรคุยกับนางรจนา ให้ข้อมูลเท็จนั้น ยืนยันว่ามีการโทรศัพท์คุยกับนางรจนาจริง โดยมีกรรมการสืบสวนฯ รายหนึ่งเป็นผู้ต่อสาย และขณะคุยก็มีกรรมการคนอื่นๆ อยู่ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคุยหลังจากที่ ป.ป.ท.เข้าตรวจค้นหรือไม่ ตอนนี้นางรจนาอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ตนไม่สนใจ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ข้อมูล

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นจดหมายปลอม จะแจ้งความเอาผิดกับผู้ส่งจดหมายหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะไม่เห็นจดหมาย แต่คิดว่าสังคมแยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง หรือไม่จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image