‘อรรถพล’ชงเลื่อนสรุปผลโกงกองทุนเสมาฯ กลางพ.ค. เหตุข้อมูลมากต้องสอบเพิ่มอีก  19 คน  

เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายอรรถพล  ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสืบสวนฯ ว่า ขณะนี้อดีตปลัดศธ. และอดีตรองปลัดศธ. ได้ส่งเอกสารชี้แจงการดำเนินการกองทุนเสมาฯ มาให้คณะกรรมการสืบสวนฯ พิจารณาเกือบครบแล้ว เหลืออีกเพียง 2-3 ราย ซึ่งขอเอกสารมายังคณะกรรมการสืบสวนฯ จำนวนมาก ดังนั้นคณะกรรมการอาจจะตัดประเด็นที่ให้อดีตปลัดศธ. และอดีตรองปลัดศธ. ชี้แจงออกไป เจตนาที่ให้ชี้แจง เพราะอยากให้ยืนยันในเรื่องการใช้ดุลยพินิจ ในการเสนองานหรือการสั่งการ  อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ดังนั้นคิดว่า กำหนดที่จะสรุปผลสืบสวนฯภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ จึงไม่น่าจะทัน โดยตนจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณาขยายเวลาการสืบสวนออกไป อีกประมาณ 15 วัน คาดว่ากลางเดือนพฤษภาคมน่าจะได้ข้อสรุป

“ตามจริงการสืบสวนฯ ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน  เพียงแต่เคยให้สัญญาไว้ว่า สิ้นเดือนเมษายนควรจะได้ข้อสรุปแต่ล่าสุด จำเป็นต้องตรวจสอบผู้ที่ลงนามเบิกถอน ว่าได้ใช้ความระมัดระวังเพียงใด อีกส่วนคือกลุ่มที่รับผิดชอบงานบัญชี ได้กำหนดมาตรการการส่งใบเสร็จรับเงินไว้หรือไม่อย่างไร เพราะสังเกตเห็นว่าสถานศึกษาหลายแห่ง ออกใบเสร็จรับเงิน แต่ไม่ได้ถูกนำมาเก็บไว้ในบัญชี แต่กลับถูกเก็บไว้ที่นางรจนา สินที  อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ดูแลเรื่องนี้   ทำจนเป็นความเคยชิน จนกระทั่งว่า หนังสือราชการบางฉบับ แทนที่จะส่งถึงปลัดศธ. กลับส่งถึงนางรจนาโดยตรง  ดังนั้นจึงต้องขอเวลาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้เพิ่มเติม โดยตั้งแต่วันที่ 25-26 เมษายน จะเชิญผู้เกี่ยวข้องอีกประมาณ 19 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ เช่น บางคนเป็นผู้มีอำนาจเซ็นเบิกถอน  บางคนเป็นผู้มีอำนาจในการจัดทำบัญชี ซึ่งจะต้องจัดเก็บเอกสารมาให้ข้อมูล  ทั้งนี้บางคนยังทำงานอยู่ที่ศธ. แต่บางคนไปทำงานที่อื่นแล้ว แต่เราจะเป็นต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพื่อจะดูว่าเส้นทาง การดำเนินการขณะนั้นเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ตรวจสอบขั้นตอนการขออนุมัติ กับขั้นตอนส่งให้ธนาคารบางครั้งตัวเลขจำนวนเงินตรงกัน  แต่มีการสลับตำแหน่งเลขที่บัญชี ซึ่งหากมีการสลับ  เท่ากับว่า จำนวนเงินที่ต้องโอนในแต่ละบัญชีจะต้องเคลื่อนตามไปด้วย  ทางคณะกรรมการสืบสวนฯจึงอยากรู้ว่า ขณะนั้นมีการตรวจสอบหรือไม่ อย่างไร และก่อนที่จะมีการเบิกถอน หรือโอนเงิน มีความละเอียดรอบคอบมากน้อยแค่ไหน ”นายอรรถพลกล่าว และว่า อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการสืบสวนฯ มีการประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) อยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้ส่งเจ้าของบัญชีที่รับโอน ไปให้ข้อมูลกับทางป.ป.ท. เพิ่มเติม 1 ราย ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งรับโอนเงิน 1.5 หมื่นบาทในช่วงปี 2548 ได้เข้ามาชี้แจง โดยยืนยันว่า ในขณะนั้นโรงเรียนมีเด็กที่รับทุนกองทุนเสมาฯ จำนวน 5 ราย และเงินดังกล่าว ก็รับโอนเพื่อนำไปให้ทุนการศึกษาต่อเด็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image