นายกฯเร่งกอปศ.ปฏิรูปการศึกษา

เมื่อวันที่ 24 เมษายน นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกอปศ. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ โดยมองความจำเป็น 3 ประการ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติทีใช้อยู่ปัจจุบัน และสถานการณ์ที่เป็นความต้องการของคนในอนาคต ซึ่งมีประเด็นที่เห็นตรงกันแล้ว 2 เรื่องคือ การเกิดสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการให้การศึกษา กับคนที่มีการบกพร่องทางด้านร่างกาย สติปัญญา และคนที่มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ ที่น่าจะได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเต็มสมรรถนะของตนเอง ตลอดจนคนที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในลักษณะต่าง ๆ โดยวิธีการดูแลบุคคลเหล่านี้ คือการเรียนร่วม อยู่ในระบบการศึกษาปกติที่ปรับให้รับคนเหล่านี้ และการมีสถานศึกษาเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมในสถานศึกษาตามปกติได้ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ น่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้

นพ.จรัส กล่าวต่อว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ขณะนี้มีอยู่ 106 มาตราแต่ระหว่างการพิจารณาอาจจะมีการปรับลดลงอีก พ.ร.บ.ฉบับนี้ถือเป็นเหมือนกับธรรมนูญการศึกษา ที่จะต้องมีกฎหมายลูกซึ่งเริ่มมีออกมาแล้ว เช่น ร่างพ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา ร่างพ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย นอกจากนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างพ.ร.บ.โรงเรียนในกำกับของรัฐ ร่างพ.ร.บ.เขตพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา เป็นต้น อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กอปศ.ได้นำเสนอแผนชาติด้านการศึกษา เข้าที่ประชุมเป็นเรื่องเพื่อทราบ แต่นายกฯได้ใช้เวลากับเรื่องการศึกษา เกือบครึ่งหนึ่งของเวลาประชุมทั้งหมด และให้ข้อสังเกตในแต่ละประเด็น เช่นเรื่องสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน นายกฯเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ต้องไปดูว่า องค์กรที่มีอยู่เดิม ซ้ำกับองค์กรที่เกิดใหม่อย่างไร และถ้าซ้ำก็ให้มารวมกับองค์กรใหม่ ชัดเจนว่านายกฯ เห็นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ และค่อนข้างชัดว่า ประเด็นที่นายกฯสั่งการมา และเรื่องที่กำลังทำอยู่ รวมทั้งการทำพ.ร.บ.ต่าง ๆ ค่อนข้างช้า ทั้งที่เป็นเรื่องที่ประชาชนเฝ้าดูว่า เปลี่ยนอย่างไรจึงจะมีความหมายจริง ๆ ต่อประชาชนและนักเรียน ซึ่งเรื่องนี้กอปศ.ก็ต้องนำมาดูเพิ่มเติม

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า สถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน จะดูแลหลักสูตรและการเรียนการสอนตั้งแต่ก่อนวัยเรียน ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ภารกิจดูทั้งเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอน การประเมินผล และสื่อทั้งสื่อสิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ รวมทั้งจะมีการจัดกลไกความเชื่อมโยงระหว่างตัวสถาบันกับหน่วยงานส่วนกลางในระดับประเทศ ระดับจังหวัด ระดับพื้นที่และสถานศึกษา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาในรอบนี้เน้นการเรียนตลออดชีวิต เพราะฉะนั้น ระบบการเรียนทั้งหมดต้องสามารถเชื่อมโยง ผู้เรียนสามารถเปลี่ยนผ่าน เทียบโอนการเรียนได้ในทุกช่องทาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image