ส่งชื่อ ‘บิ๊กมูลนิธิเพื่อแผ่นดินฯ’ ให้ป.ป.ท. เหตุรับเงินตกเขียว 2 ล. ธ.กรุงไทยดอดให้ข้อมูล 2 พ.ค. เชิญ 4 ร.ร.ขยายผล 30 เม.ย. 

เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขยายผลทุจริตกองทุนเสมาฯ ล่าสุดพบว่ามีผู้รับโอนเงินกองทุนที่ไม่เกี่ยวข้องประมาณ 52 บัญชี ตัวเลขความเสียหายลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 41.8 ลานบาท ในจำนวนนี้มีเลขที่บัญชีที่ไม่ทราบตัวตน 18 บัญชี รู้ตัวเจ้าของบัญชีแน่นอนแล้ว 34 รายนั้นว่า ได้รับการประสานจากธนาคารกรุงไทยว่ารองผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาสำนักงานใหญ่จะขอเข้าพบ ในวันที่ 2 พฤษภาคม เวลา 14.00 น. หลังจากที่ตนให้ข่าวทางสื่อไปว่าไม่ได้รับความร่วมมือด้านข้อมูลจากธนาคารกรุงไทยเท่าที่ควร ประกอบกับสื่อก็อาจจะไปถามกับธนาคารกรุงไทยด้วย ทั้งนี้ตนเลยทำบันทึกถึง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เพื่อให้มาเป็นประธานการหารือ พร้อมทำบันทึกถึงนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.เพื่อเชิญร่วมหารือด้วย และได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ด้วย เผื่อสนใจเข้าร่วมสอบถามข้อมูลกับธนาคารกรุงไทย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตนคงไม่เชิญมา ที่ผ่านมาทำงานใกล้ชิดกับ ป.ป.ท.มากกว่า แต่ก็ทราบว่า ปปง.ทำงานคืบหน้าไปแล้ว ล่าสุดได้โทรมาสอบถามชื่อสกุลของผู้ที่ได้รับโอนเงินเพื่อนำไปขยายผล โทรมาถามว่าชื่อสกุลนี้มีมากมายในประเทศ ขอที่อยู่เพื่อจะได้เช็กข้อมูลต่อ ตนก็ได้ให้ข้อมูลไป ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เพิ่งทำบันทึกเชิญร่วมประชุม ยังไม่ได้รับคำตอบว่าสามารถมาเป็นประธานการหารือได้หรือไม่

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่จะหารือ เบื้องต้นจะสอบถามธนาคารกรุงไทยถึงการโอนเงินในปี 2560 ที่เราจัดส่งชื่อบัญชีและเลขที่บัญชีไปไม่ตรงกัน แต่ทำไมธนาคารกรุงไทยยังโอนเงินไปให้ นอกจากนี้ จะสอบถามบัญชีที่ไม่ทราบตัวตนซึ่งทางธนาคารจะมีข้อมูลอยู่ว่าเป็นบัญชีของใคร เราไม่รู้ว่าส่วนนี้จะขอข้อมูลได้แค่ไหน ทั้งนี้จากรายการการโอนทั้งหมดกว่า 1,000 รายการ จริงๆ เราก็รู้ข้อมูลค่อนข้างเยอะแล้ว ที่ไม่รู้คือบัญชีที่ปิดหนีไปก่อนที่เราจะเข้าไปตรวจสอบ ทำให้ค้นไม่เจอ ต้องอาศัยข้อมูลจากทางธนาคารกรุงไทย การทำงานค่อนข้างมีปัญหาอีกอย่าง เนื่องจากศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) บางจังหวัดไม่ให้ความร่วมมือ บางคนทำตัวเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พอได้รับหนังสือจากคณะกรรมการสืบสวนฯ ก็ส่งหนังสือไปถามต่อโรงเรียน แทนที่จะลงไปตรวจสอบ โรงเรียนบางแห่งก็พอกัน รายงานกลับมาด้วยตัวเลขที่เราสอบถามไป คือโรงเรียนได้รับเงินกองทุนจากบุคคลอื่น แต่เอารายงานที่ได้รับจาก ศธ.มาตอบเรา ส่วนที่ได้รับชดเชย ไม่มีการพูดถึง เราจึงต้องขอสเตตเมนต์จากโรงเรียนแทน ข้อมูลที่ขอจาก ศธจ.ตอนนี้ได้มาถึงครึ่ง ทั้งที่เลยกำหนดไปแล้ว โทรตามเป็นรายบุคคลก็แล้ว ยังไม่คืบ ขนาดนิติกรทำหนังสือทวงถาม ก็ยังเฉย ตนจึงได้ทำบันทึกรายงานรัฐมนตรีว่าการศธ.ไปแล้ว

นายอรรถพลกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในวันที่ 30 เมษายน ได้เชิญโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 4 แห่งมาให้ข้อมูล เนื่องจากได้รับโอนเงินกองทุนเสมาฯ โดยที่ไม่เกี่ยวข้อง จำนวนเงินไม่มาก แค่ 10,000-15,000 บาท แต่ทำให้เราสามารถขยายผลการทุจริตต่อ ทั้งนี้เนื่องจากตามมติปี 2547 ของคณะกรรมการกองทุนเสมาฯ มีมติให้ 1.จัดสรรเงินสมทบคนที่เรียนต่อ ม.4-ม.6 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หัวละ 10,000 บาท และสมทบให้คนที่เรียนต่อระดับปริญญาตรี หัวละ 15,000 บาท และ2.ช่วยเหลือนักเรียนยากจนที่มากินนอนที่โรงเรียนพักนอน รายหัวละ 1,000 บาทและจัดสรรให้โรงเรียนที่ช่วยดูแลนักเรียนอีกโรงละ 1,000 บาทต่อหัว เท่ากับ 2,000 บาทต่อคน โดยในส่วนของนักเรียน ก็โอนเงินตรงไปที่นักเรียน ส่วนของโรงเรียน ก็โอนให้โรงเรียน นอกจากนี้ ยังมีการเสนอขอให้ช่วยนักเรียนยากจนที่ไม่ได้มาอยู่ประจำกินนอน แต่คณะกรรมการฯ เห็นว่าข้อมูลที่เสนอไม่ชัดเจน จึงไม่อนุมัติ แต่ปรากฏว่าในปี 2548 กลับมาพบการโอนเงินไปให้โรงเรียนที่ไม่ใช่โรงเรียนพักนอน จำนวน 4 แห่งดังกล่าวแถมเป็นการโอนเงินในปีถัดมา หลังจากคณะกรรมการฯ มีมติไม่อนุมัติในปี 2547 ด้วย เราจึงได้เชิญมาให้ข้อมูล แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ คิดว่าอาจมาส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด

นายอรรถพลกล่าวด้วยว่า ส่วนที่ถามว่าข้าราชการที่เกษียณตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2560 ไม่ต้องรับผิดทางวินัยเนื่องจากเลย 180 วันที่จะตั้งข้อกล่าวหาทางวินัยตามระเบียบของทางราชการนั้น ในรายที่เกษียณไปตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งมี 1 ราย ก็มีแนวโน้มต้องพ้นผิดทางวินัย เพราะคณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดตนไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้แล้วเสร็จได้ทันภายในสิ้นเดือนมีนาคมซึ่งจะครบ 180 วันได้ แต่ทั้งนี้ยังสามารถดำเนินคดีทางอาญาและละเมิดได้ถ้าพบว่าบุคคลนั้นมีความผิด แต่เบื้องต้นข้อมูลจนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าอดีตข้าราชการรายดังกล่าว มีความผิด ทั้งนี้ในส่วนของคดีอาญา เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ท. ส่วนคณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดตน มีหน้าที่สรุปเกี่ยวกับโทษทางวินัย ซึ่งตนจะพยายามสรุปข้อมูลให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอ นพ.ธีระเกียรติ ในวันที่ 7 พฤษภาคม และในรายที่มีข้อมูลชี้มูลความผิดได้ ก็จะเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือตั้งข้อกล่าวหา ก่อนที่ข้าราชการรายดังกล่าวจะเกษียณในวันที่ 30 กันยายน 2561

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่า ในบรรดาผู้ที่ได้รับโอนเงินจากกองทุนเสมาฯ โดยไม่เกี่ยวข้อง มีรายชื่อของประธานมูลนิธิเพื่อแผ่นดินและสันติภาพ ซึ่งนางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ (ซี 8) สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) อดีตผู้ดูแลกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่ตอนนี้ถูก ศธ.ไล่ออกจากราชการไปแล้ว เข้าไปดูแลจัดการด้านธุรการในมูลนิธินี้ด้วย โดยประธานมูลนิธิเพื่อแผ่นดินฯ ได้รับการโอนเงินจากกองทุนเสมาฯ ไปกว่า 2 ล้านบาทซึ่งขณะนี้ ศธ.ได้ส่งรายชื่อให้ ป.ป.ท.ไปขยายผลต่อแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image