เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม นายธนชน มุทาพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)ชัยภูมิ เขต 1 ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) และสมาคมนักบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย (ส.บ.พ.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้มีความห่วงใยถึงการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่19/2560 ที่ศธ.เสนอขอแก้ไขไปนานแล้วเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างผอ.สพท.กับศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) แต่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแก้ไขยังไม่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา44 เพื่อแก้ไขตามข้อเสนอของศธ.นั้น ชร.ผอ.สพท. และ ส.บ.พ.ท. พร้อมภาคีเครือข่ายองค์กรครูทั่วประเทศ ต้องขอบพระคุณนพ.ธีรเกียรติ ที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งพวกเราขอเป็นกำลังใจ
นายธนชน กล่าวต่อว่า ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการศธ.ระบุว่า ผอ.สพท.มีความเข้าใจ ศธจ. มากขึ้นนั้น เป็นคนละประเด็นกับการยอมรับคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)/ศธจ. ตามคำสั่งดังกล่าว เพียงแต่พวกเราอยากให้การขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดไม่สะดุดมากเกินไป ซึ่งก็ยังมีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของคำสั่งดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้ผู้มีอำนาจสูงสุดได้รับทราบปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่19/2560 ว่ามีอย่างไรบ้าง ชร.ผอ.สพท. พร้อมเครือข่าย จะไปนำเรียนปัญหาและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปีของการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรี รับทราบ เช่น การเพิ่มขั้นตอนการทำงาน ทำให้เกิดความล่าช้าโดยไม่จำเป็น กระทบสิทธิประโยชน์ของครูซึ่งส่งผลต่อการเรียนการสอน การออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน ออกคำสั่งมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ การเกิดสิทธิการมีหรือเลื่อนวิทยฐานะตาม ว21 การเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นจากการที่เขตต่างๆ นำคำสั่งมาเสนอให้ศธจ.ลงนาม การขาดประสิทธิภาพในการบังคับบัญชา และที่สำคัญคือการเป็นอัมพาตของการขับเคลื่อนการบริหารเชิงยุทธศาตร์ และการพัฒนาการศึกษาเชิงบูรณานาการในจังหวัด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่สุดของศธจ. และกศจ. ไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย เพราะทุกกศจ. ติดหล่มการบริหารงานบุคคล การปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปเท่าไหร่ โดยยังไม่แก้ไขคำสั่ง ก็จะทำให้การปฏิรูปการศึกษาของศธ.ในภูมิภาคเกิดความเสียหายจนประเมินค่าไม่ได้
