‘บุญรักษ์’แจงสั่งระงับงบครุภัณฑ์แล้ว หลังเช็กข้อมูลจัดท็อปดาวน์ขัดนโยบาย’หมอธี'(คลิป)

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นายบุญรักษ์  ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ ศธ. เสนอแต่งตั้งโยกย้าย นายณรงค์  แผ้วพลสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ไปเป็นศึกษาธิการภาค (ศธภ.) 15 ภาคเหนือตอนบน กรณีเซ็นอนุมัติงบจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น 279 ล้านบาท  ขัดนโยบายรัฐมนตรีว่าการศธ. ว่า  งบส่วนนี้จัดสรรมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี2560  แต่เมื่อต้นปี 2561 ตนได้ไปตรวจสอบปรากฏว่า ไม่ตรงกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการศธ. เพราะเป็นการท็อปดาวน์ลงไป และได้เรียกว่าสอบถามว่า มีการขอขึ้นมาหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน  จึงสั่งไม่ให้โอนงบส่วนนี้ แต่ขอให้มีการสำรวจ เพราะเตรียมจะปรับปรุงงบนี้ไปใช้การจัดซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมและโทรทัศน์ของโรงเรียนขนาดเล็ก ในโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือDLTV  สำหรับนักเรียนปฐมวัย ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า งบส่วนนี้สพฐ.สามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ระหว่างที่มีการพิจารณา มีหนังสือร้องเรียนเข้ามา 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นบริษัทที่ยื่นประมูลงาน  ส่งหนังสือมาสอบถามสพฐ.ว่า ทำไมไม่โอนงบลงไปให้ตามเงื่อนไข เพื่อทำสัญญา ขณะเดียวกันก็มีหนังสือร้องเรียนมาอีกว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้มีการล็อกสเป็ก  สพฐ.จึงสำรวจ และพบว่า ส่วนหนึ่งเพราะเป็นครุภัณฑ์ที่โรงเรียนไม่ต้องการ ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจ

“ผมได้เรียนรัฐมนตรีว่าการศธ. ตั้งแต่ต้นปีแล้ว ว่า เงินอุดหนุนนี้จะไม่จัดสรร แต่ถ้าจะปล่อยไม่ใช้ประโยชน์เลยก็เสียดาย จะปรับปรุงไปซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา  แต่ทั้งหมดก็ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนว่าโรงเรียนไม่ใช้จริง ๆ เพราะต้องมีคำตอบเตรียมไว้ให้สำนักงบประมาณ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนที่นายณรงค์ เซ็นอนุมัติงบในภายหลังที่รัฐมนตรีว่าการศธ. สั่งให้ชะลอจะมีความผิดหรือไม่นั้น นั้น นายบุญรักษ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด โดยจะตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ แต่เบื้องต้นคิดไม่ใช่การทุจริต เพียงแต่อาจทำไม่รอบคอบ ซึ่งคงต้องทำเรื่องชี้แจงให้เร็ว

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่พัสดุ สพป.นครราชสีมา เขต 5 มีการวางฎีกาเบิกเงินซ้ำ กับเงินที่โรงเรียนได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วนั้น เรื่องนี้สพฐ. ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสืบข้อเท็จจริง ควบคู่กับการตรวจสอบของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร แต่เป็นระดับที่สูงกว่า เจ้าหน้าที่พัสดุ  เพียงแต่เราไม่ได้ออกมาแถลง  และยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่สพฐ.อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพียงแต่ด้วยความเป็นหน่วยงานราชการ  ถ้าอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยอาจเป็นการชี้นำ และเป็นการก้าวก่ายกรรมการสอบสวน จึงไม่กล้าพูด  ส่วนกรณีพฤติกรรมของผู้บริหารเขตพื้นที่ สพป. บุรีรัมย์ เขต 2 มีการตกเขียว เรียกเงิน 10%จากผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ให้โรงเรียนจ่ายก่อน 5% เมื่อได้รับงบฯ แล้ว ให้จ่ายอีก 5% ในปีงบประมาณ 2562 นั้น ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผู้อำนวยการสพป.บุรีรัมย์ เขต 2แล้ว รวมถึงตนได้ลงนามในคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น ในเขตพื้นที่อื่น  มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่วนที่ผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งมาให้ข้อมูลความไม่ชอบมาพากลครั้งนี้ ออกมาให้ข้อมูล ระบุว่า ถูกข่มขู่นั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เราไม่รู้ แต่ถ้ามีการกระทำการดังกล่าวจริง สามารถแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายบ้านเมืองได้ หรือแจ้งมาที่สพฐ.ให้ตรวจสอบ

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image