เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้นายสนิท แย้มเกษร ผู้ช่วยเลขาธิการกพฐ. ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)ทุกเขต เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินงานโครงการอาหารกลางวัน และรายงานข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและเลขาธิการ กพฐ.ภายในวันที่ 13 มิถุนายน ดังนี้ 1. สำรวจการโอนเงินงบประมาณค่าอาหารกลางวันจากทุกโรงเรียนเฉพาะภาคเรียนที่ 1/2561 ดังนี้ 1.1 โรงเรียนได้รับโอนเงินงบประมาณจัดสรรค่าอาหารกลางวันสำหรับภาคเรียนที่ 1/2561หรือยังกรณีที่ได้รับช้ากว่าวันเปิดภาคเรียน ได้รับเมื่อใด หรือถ้ายังไม่ได้รับโอนเงิน โรงเรียนดำเนินการอย่างไร (กรณีที่ได้รับงบช้าหรือยังไม่ได้รับ ให้ระบุด้วยว่าโรงเรียนนั้นๆ อยู่ในพื้นที่ที่ต้องได้รับจัดสรรและโอนงบจากหน่วยงานใด ระบุอำเภอและจังหวัดด้วย) 1.2 กรณีงบประมาณโอนช้าหรือยังไม่ได้รับ โรงเรียนได้จัดอาหารกลางวันให้นักเรียนหรือไม่ ถ้าจัด มีวิธีการในการบริหารหรือจัดหางบอย่างไร 1.3 ให้รายงานข้อมูลตามข้อ 1.1 และ 1.2 โดยให้ทุกเขตพื้นที่และสายงานการศึกษาพิเศษรวบรวมข้อมูลส่งที่สพป.เขต1 ของทุกจังหวัด และให้ผอ.สพป.เขต 1 รายงานข้อมูลผู้ว่าราชการจังหวัด และเลขาธิการกพฐ. ภายในวันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งสพฐ.จะรวบรวมข้อมูลรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็ว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า 2.ให้ ผอ.สพท.และผู้บริหารสายงานการศึกษาพิเศษ รายงานการสำรวจสภาพการดำเนินการอาหารกลางวันที่สพฐ.ได้สั่งการแล้วให้ติดตาม ตรวจสอบทุกโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน โดยให้รายงานภายในวันที่ 13 มิถุนายนเช่นเดียวกัน โดยประเด็นการรายงาน มีดังนี้ 2.1 จำนวนโรงเรียนในเขตพื้นที่ฯ 2.2 จำนวนโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรงบค่าอาหารกลางวัน 2.3 จำนวนโรงเรียนที่ได้รับการโอนเงินงบค่าอาหารกลางวัน ก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2.4 จำนวนโรงเรียนที่ได้รับการโอนเงินงบค่าอาหารกลางวันแล้ว แต่หลังวันที่ 16 พฤษภาคม 2.5 จำนวนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการโอนเงิน ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2.6 จำนวนโรงเรียนที่ถูกร้องเรียนและปรากฏข่าวในสื่อมวลชน และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีมูลหรือไม่มีมูล 2.7 จำนวนโรงเรียนที่ตรวจสอบแล้ว มีปัญหาการดำเนินการกี่โรงเรียน สพท.ได้แก้ปัญหาอย่างไร. 2.8 จำนวนโรงเรียนที่ดำเนินการได้ดีสมควรยกย่องชื่นชมให้เป็นต้นแบบ พร้อมแนวทางที่เป็นความสำเร็จของแต่ละโรงเรียน และ 3.ข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการอาหารกลางวันจากโรงเรียน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง
“ให้ทุกโรงเรียนตรวจสอบงบอาหารกลางวัน ภายใน 3 วัน ซึ่งต้องการรู้ว่าได้ก่อนเปิดเทอม หลังเปิดเทอมถึงตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่ โดยให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ว่า พบโรงเรียนมีปัญหากี่โรง สภาพปัญหาเป็นอย่างไร โรงเรียนดีเด่น เหมาะเป็นต้นแบบมีกี่โรง เพราะตอนนี้มีข้อมูลร้องเรียนเข้ามามาก บางเรื่องจริง บางเรื่องไม่จริง ในไลน์มีครูตัดพ้อว่าที่ผ่านมาเขาพยายามทำเต็มที่ บางทีเปิดเทอมยังไม่ได้เงิน ก็แก้ปัญหาไปก่อน ดังนั้น สพฐ.ต้องการตรวจสอบให้ได้ข้อมูลแท้จริงแล้วจะได้แก้ไขต่อไป” นายบุญรักษ์ กล่าว
