อธิบดีมาเอง! สั่งบูรณะ ‘ตำหนักทอง วัดไทร’ เจ้าอาวาสดีใจมาก มอบ ‘ลิ้นจี่บางขุนเทียน’ ให้กินทั้งคณะ

งานนี้ชาวบางขุนเทียนได้มีเฮ! ยกใหญ่ เมื่ออนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เดินทางลงพื้นที่ วัดไทร ริมคลองสนามชัย บางขุนเทียน จอมทอง กทม. ด้วยตนเองในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พร้อมด้วยคณะชุดใหญ่ ทั้ง สตวัน ฮ่มซ้าย ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม และปฏิวัติ ทุ่ยอ้น สถาปนิกชำนาญการ ร่วมด้วยนายช่าง และเจ้าหน้าที่อีกหลายท่าน

อธิบดีกรมศิลป์ สั่งการทันควัน ให้บูรณะด่วน โดยเริ่มจากการสำรวจอย่างละเอียด

“ตำหนักทองแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายที่งดงามและยังหลงเหลือหลักฐานอยู่มากทั้งตัวเรือนไม้และงานไม้แกะสลักบริเวณกรอบหน้าต่างซึ่งสะท้อนฝีมือช่างหลวง กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ พ.ศ.2505 อย่างไรก็ตาม สภาพที่เป็นอยู่ถือว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากสร้างขึ้นด้วยไม้ อาจมีบางส่วนผุพังแต่ซ่อนอยู่ด้านใน ดังนั้น จึงต้องสำรวจอย่างละเอียดและจะจัดทำโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างเร่งด่วน เบื้องต้นได้มอบหมายให้สำนักสถาปัตยกรรมทำการสำรวจอีกครั้งหลังจากวันนี้ รวมถึงจะสั่งการให้กลุ่มคนรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี เข้ามาช่วยดูแลงานลงรักปิดทองบนผนังด้านในตำหนักที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วย”

ระหว่างเยี่ยมชมจุดต่างไปของตำหนักทอง พระครูกิตติญาณวัฒน์ (ศรี ญาณวโร) อายุ 81 ปี เจ้าอาวาสวัดไทร ซึ่งไม่ทราบล่วงหน้าว่ากรมศิลป์จะมาเยี่ยมเยือน ได้เข้าร่วมหารือโดยบอกว่า ดีใจมาก ที่ผ่านมาสวดมนต์ขอให้ตำหนักทองได้รับการบูรณะ เพราะทำเองไม่ได้ เนื่องจากทราบดีว่าเป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียน ต้องให้กรมศิลปากรดูแล

Advertisement

ไหนๆก็ไหนๆ เมื่ออธิบดีมาถึงที่ เจ้าอาวาสจึงชวนให้ไปชม “หอกลอง” เก่าแก่เพื่อหารือว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์พร้อมกับตำหนักทอง

อธิบดีกรมศิลป์ไม่รอช้า เห็นแล้วสั่งการอีกรอบ ให้วางแผนขุดลอกพื้นดินเพื่อศึกษารูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม โดยระบุว่า สามารถบูรณะได้ง่ายกว่าตำหนักทอง

เจ้าอาวาส ยิ้มสบายใจ สั่งพระในวัด นำ “ลิ้นจี่บางขุนเทียน” มามอบให้อธิบดีและคณะ

Advertisement

ลิ้นจี่บางขุนเทียนนี้ เป็นของขึ้นชื่อ โดยแต่เดิมในย่านบางขุนเทียนปลูกกันมาก หลงเหลือชื่อบ้านนามเมือง ว่า “คุ้งลิ้นจี่” ปัจจุบัน ลิ้นจี่บางขุนเทียนมีราคาสูงมาก แตะกิโลกรัมละ 1,000 หรือ 1,200 บาทเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ตำหนักทองวัดไทร ตั้งอยู่ริมคลองสนามชัย มีลักษณะเป็นศาลาหรือเรือนไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนสูง เดิมมีการลงรักปิดทอง โดยยังหลงเหลืิอภาพลายรดน้ำบนผังด้านในฝั่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เคยเป็นที่พระทับของ “พระเจ้าเสือ” หรือพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 8 เมื่อครั้งเสด็จผ่านทางคลองด่าน ต่อมาทรงอุทิศให้แก่วัด สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงยันทึกไว้ใน “สาส์นสมเด็จ” ถึงเรื่องเล่าดังกล่าวซึ่งต่อมาได้เสด็จไปชมตำหนักด้วยพระองค์เอง แล้วทรงบันทึกว่าเป็นตำหนักโบราณจริง ความดังนี้

“เมื่อวันที่ 23 และวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 กรรมการให้เปิดหอพระสมุดสำหรับพระนครเป็นการพิเศษ สำหรับพระภิกษุสามเณรจะได้ชมตามปรารถนา พระครูถาวรสมณวงศ์ วัดไทร อำเภอบางขุนเทียน แขวงจังหวัดธนบุรี ได้มาชมหอพระสมุดฯ มาบอกว่า ที่วัดไทรมีตำหนักฝาเขียนลายทองรดน้ำอย่างตู้หนังสือในหอพระสมุดฯอยู่หลังหนึ่ง ผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่ากันสืบมาว่า เป็นตำหนักของขุนหลวงเสือทรงสร้างไว้ ได้ความดังนี้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ข้าพเจ้าจึงไปดูตำหนักที่วัดไทร เห็นเป็นตำหนักของโบราณจริง และมีเรื่องราวในพงศาวดารประกอบกัน ควรนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอันหนึ่งซึ่งเนื่องในโบราณคดี ข้าพเจ้าจึงเรียบเรียงคำอธิบายฉบับนี้ขึ้น สำหรับท่านผู้ที่เอาใจใส่ในโบราณคดี”

อนึ่ง สำหรับบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานทั้ง 2 แห่งภายในวัดไทร คาดว่าจะมีการเปิดรับบริจาคให้ประชาชนมีส่วนร่วมอนุรักษ์ รายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image