ผู้บริหาร มจร พร้อมยื่นบัญชี ‘ป.ป.ช.’ ห่วงกก.สภาคนนอก แนะ ‘กม.-ระเบียบ’ ควรเอื้ออำนวย

ความคืบหน้ากรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 ได้ประกาศในราชกิจจาบุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 โดยประกาศดังกล่าว นอกจากจะกำหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แล้ว แต่ยังรวมถึงนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) อีกด้วยนั้น

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวว่า จากประกาศป.ป.ช. ที่ออกมารวมทั้งหมดเป็น 3 ฉบับ เท่ากับว่าตอนนี้ในส่วนของมหาวิทยาลัยสงฆ์ จะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ประกอบด้วย นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภาสภามหาวิทยาลัย อธิการบดีและรองอธิการบดี โดยในส่วนของอธิการบดีและรองอธิการบดีมจร ไม่มีปัญหา พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างในส่วนของอาตมา ก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.มาแล้ว 3 ครั้ง แต่ที่น่าห่วงใยคือกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากบุคคลภายนอก เนื่องจากประกาศป.ป.ช.ฉบับล่าสุด ระบุว่า นอกจากจะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.แล้ว ยังต้องเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของกรรมการสภา มจร จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ กัน เพราะต้องการรอความชัดเจนจากทั้งกฎหมายและการตกผลึกว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไรหรือแนวปฏิบัติจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ขณะนี้กำลังมีการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการพิจารณาของรัฐบาลได้ ฉะนั้นในส่วนของมหาวิทยาลัยสงฆ์ กำลังรอการตกผลึกดังกล่าวอยู่

“อาตมาเห็นว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ เป็นช่องทางเพื่อเปิดประตูให้ผู้มีความรู้ความสามารถจากบุคคลภายนอกเข้ามาช่วยบริหารมหาวิทยาลัยและช่วยการศึกษาของชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้ กฎหมายและระเบียบปฏิบัติอื่นๆ ก็ควรจะเอื้ออำนวยให้” พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

รองอธิการบดี มจร กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรรมการสภา มจร มีพระธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ เป็นนายกสภามจร ส่วนคณะกรรมสภามจร มาจาก 3 ส่วน คือ 1.จากผู้บริหารของมหาวิทยาลัย 2. กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง เช่น ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น 3. กรรมการสภามหาวิทยาลัยจากผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมีทั้งพระมหาเถระและคฤหัสถ์ผู้ทรงความรู้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image