ชาวบ้านออกหาปลา เจอซากเรือ 2,000 ปี ผอ.กองโบราณคดีเชื่อล่องจาก ‘อินเดีย’ เชื่อมเส้นทางสายไหม

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากรมีการเปิดเผยภาพและข้อมูลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการขุดค้นซากเรือโบราณบริเวณชายกาดบ้านบางกล้วย อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง ซึ่งชาวบ้านพบโดยบังเอิญขณะออกหาปลาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ.2559 กระทั่งเริ่มมีการดำเนินการทางโบราณคดีเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

ร้อยเอกบุญฤทธิ์  ฉายสุวรรณ ผู้อำนวยการกองโบราณคดีใต้น้ำ เผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กว่า กองโบราณคดีใต้น้ำได้ดำเนินการขุดซากเรือโบราณบริเวณชายหาดบ้านบางกล้วย หมู่ 4 ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง ซากเรือลำนี้พบโดยชาวบ้านที่ออกหาปลา เนื่องจากขณะนั้นคลื่นได้พัดพาตะกอนทรายออกจากฝั่งซากเรือจึงโผล่ขึ้นมา สำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต (ปัจจุบันได้รวมพื้นที่ใหม่ขึ้นกับสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช) และกองโบราณคดีใต้น้ำได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่าซากเรือยาวประมาณ 19 เมตร กว้าง 4.50 เมตร ไม้ที่ใช้ทำเรือมีความหนา 10-15 เซนติเมตร พบว่าซากเรือเสียหายไปจากเดิมมาก เหลือให้เห็นร่องรอยเพียงประมาณ 7 เมตร

“เรือลำนี้ใช้เทคนิคการต่อไม้แบบ Motise and Tenon Joint คือ การเจาะส่วนหนาของไม้กระดานเรือให้เป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Mortise) โดยให้ตำแหน่งช่องที่เจาะของไม้กระดาน ๒ แผ่นมีตำแหน่งตรงกัน สำหรับสอดเดือยแผ่นไม้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Tenon) เข้าไปแทนที่แล้วใช้ลูกประสักไม้กลมตอกยึดระหว่างแผ่นไม้กระดานเรือกับเดือยแผ่นไม้ให้ไม้แต่ละแผ่นเชื่อมติดกัน กองโบราณคดีใต้น้ำได้นำชิ้นส่วนไม้ไปหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์แล้วด้วยวิธี AMS (Acceleration Mass Spectrometry Radoicarbon Dating) 2 ตัวอย่าง ได้ค่าอายุ 2,120 และ 2,140 ปี นับเป็นเรือที่เก่าที่สุดลำหนึ่งในเอเชีย

Advertisement
ตรีรัตนะ

จุดที่พบเรือลำนี้อยู่บริเวณปากคลองกล้วย โดยคลองกล้วยเป็นคลองที่เชื่อมต่อไปยังกลุ่มแหล่งโบราณคดีภูเขาทอง โดยกลุ่มโบราณคดีแห่งนี้พบจี้หรือหัวแหวนแกะเป็นรูปบุคคลแบบโรมัน (Roman Intaglio) เช่น เฮอร์คิวลีส เป็นต้น พบภาชนะแก้วโมเสคโรมัน พบตราประทับที่มีตัวอักษรพราหมี พบเครื่องประดับและตราประทับที่มีสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธหลายประเภท มีการนำเข้าหินกึ่งอัญมณีหลายชนิดเพื่อผลิตลูกปัดหิน และมีหลักฐานมากพอที่จะระบุได้ว่าเป็นแหล่งผลิตลูกปัดแก้วและหินที่สำคัญอีกด้วย”

ร้อยเอกบุญฤทธิ์ ยังเปิดเผยถึงโบราณวัตถุที่พบโดยรอบ อาทิ ภาชนะดินเผานำเข้าจากอินเดียบริเวณไม่ห่างจากตัวเรือมากนักที่สำคัญอย่างมาก 2 ชนิด ได้แก่

Advertisement
  1. รูเล็ทเต็ดแวร์(Rouletted ware) ภาชนะดินเผาชนิดนี้มีลักษณะพิเศษคือ มีลายกดประทับที่เชื่อว่าเกิดจากการกลิ้งวงล้อฟันเฟืองกดลงบนผิวภาชนะที่ส่วนก้นด้านในทำให้เกิดลายกดประทับอย่างเป็นระเบียบ รูปทรงของภาชนะชนิดนี้ส่วนก้นจะแบนเรียบปากโค้งเข้าผิวขัดมันสีดำทั้งด้านนอกและด้านใน
  2. น็อบแวร์(Knobbed ware) ภาชนะดินเผาชนิดนี้จะที่มีปุ่มแหลมยื่นขึ้นมาจากส่วนก้นด้านในผิวขัดมันสีดำทั้งด้านนอกและด้านในเชื่อว่าถูกใช้ในพิธีกรรม จากหลักฐานแวดล้อมต่าง       ๆ เชื่อว่าเรือลำนี้เป็นเรือที่มาจากอินเดียถึงแม้อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์แต่ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการเดินทางติดต่อแลกเปลี่ยนทางการค้าตามเส้นทางสายไหมทางทะเลได้เป็นอย่างดี และยังเป็นตัวแทนในการอธิบายถึงการเคลื่อนตัวทางวัฒนธรรมจากอินเดียเข้ามายังประเทศไทยได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

การเข้ามาของคนอินเดียในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการรับเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตลูกปัดแก้วและหิน มีการใช้อักษรพราหมีที่เป็นรากเหง้าของตัวอักษรไทย ที่สำคัญคือการพบหลักฐานที่เป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธก่อนมีการสร้างพระพุทธรูปเป็นรูปเคารพหลายชนิดที่สำคัญคือ ตรีรัตนะ สิ่งต่างๆ ที่พบเหล่านี้ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการอธิบายถึงแรงกระตุ้นที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมที่เกิดขึ้นในภาคใต้จากสมัยก่อนประวัติศาสตร์เข้าสู่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์อย่างก้าวกระโดด และยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเข้าสู่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ก่อนการเกิดรัฐหรือสังคมเมืองที่มีกษัตริย์ปกครองในประเทศไทยเมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้วอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีชาวบ้านเข้าไปขุดเพื่อหาสิ่งของมีค่าต่างๆ โดยเล่าว่าได้พบลูกปัด ภาชนะดินเผา เศษทอง และเหรียญโรมันด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image