กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ เมื่อมีข่าวการส่งแกร็บถวายภัตตาหารพระภิกษุโดยมีการวิดีโอคอลล์ให้พร จนเป็นที่ตั้งคำถามว่าแม้จะดูฮาๆ แต่โดยหลักการแล้วทำได้หรือไม่ ?
พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวราราม ฟังคำถามแล้วตอบว่า
“ก็เป็นความสะดวกของคน เช่น โยมอยู่ลาดพร้าว จะมาถวายภัตตาหารพระวัดสุทัศน์ แต่ธุรกิจติดพัน มารถเก๋งก็หาที่จอดยากเลยให้มอเตอร์ไซค์นำมาถวายพระแทน เอาโทรศัพท์ให้คุยกับพระ พระก็ให้พร อย่างนี้ถูก ทำได้ แต่ถ้าจะเอามาเป็นเรื่องโก้ ทันสมัย ทำเป็นเล่น อันนั้นไม่ถูก เรียกว่าบ้าบอทั้งพระทั้งคน พอเป็นข่าว โยมอายอีก”
ส่วนในปัจจุบันที่มีกระแสคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งประกาศ “ไม่มีศาสนา” และไม่อยากให้ต้องระบุในบัตรประชาชนนั้น เจ้าคุณพิพิธมองว่า เด็กๆ แสวงหาและเก่งกว่าคนสมัยก่อน เพราะอยู่ในโลกยุคโซเชียล แล้ววันหนึ่งเขาจะมีคำตอบของตัวเอง ถ้าเห็นว่าศาสนาอื่นดี ก็ไม่ควรปิดกั้น
“สำหรับกรณีบัตรประชาชนที่ให้มีการระบุศาสนาไว้ ก็เพื่อให้คนอื่นปฏิบัติต่อคนศาสนาต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ได้เป็นการยึดครอง ซึ่งหากอยากเปลี่ยนศาสนาก็ทำได้ การที่ชาวพุทธห้อยพระเครื่อง คนศาสนาอื่นก็จะได้ปฏิบัติต่อชาวพุทธได้ถูก คนคริสต์ห้อยไม้กางเขน ก็เป็นสัญลักษณ์ คนมุสลิมก็สังเกตได้จากการแต่งกาย ทำให้คนอื่นปฏิบัติได้ถูกต้องในการสนทนา ในเรื่องอาหารและวัฒนธรรม เหมือนประเด็นเครื่องแบบนักเรียน ที่มีจุดประสงค์ให้รู้ว่ามาจากสถาบันไหน ปักชื่อให้รู้ว่าเป็นใคร มีปัญหาจะได้ช่วยเหลือ ปกป้อง ติดต่อสังกัดได้”
คือมุมมองของพระผู้ใหญ่ที่น่าฟังอย่างยิ่ง
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม พระเทพปฏิภาณวาที วิกฤตไทย ในมุมมอง “ธรรมะ”
