‘ร.ร.พระปริยัติธรรม’ เดินเครื่องพัฒนาครูสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง

‘ร.ร.พระปริยัติธรรม’ เดินเครื่องพัฒนาครูสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน  พระครูสุวรรณสรานุกิจ ประธานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา  เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.) ในการสนับสนุนส่งเสริมบุคลากรทางการศึกษาและพัฒนากระบวนการเรียนการสอนแบบผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตัวเอง ของกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีนายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  เข้าร่วม ทั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับ อีกทั้งจะเป็นผลดีต่อครูที่จะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปสอนลูกศิษย์เพราะครูโรงเรียนพระปริยัติธรรมไม่ค่อยได้รับการอบรม เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ และส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในชนบทห่างไกล โอกาสที่จะได้รับทราบถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นก็มีน้อย จึงถือว่าการร่วมมือครั้งนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ทำให้การศึกษาสายปริยัติธรรมดีขึ้น และมีความหวังอย่างที่ตั้งใจไว้ และกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ใช้เวลานานพอสมควร

“การเรียนการสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง จะเป็นประโยชน์เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรม ไม่เหมือนสมัยก่อน  ที่ไม่มีการคิดวิเคราะห์เหมือนปัจจุบันซึ่งเป็นสิ่งที่ดีตรงกับหลักของพระพุทธศาสนา การสอนโดยให้  คิด วิเคราะห์  เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา “ พระครูสุวรรณสรานุกิจ กล่าว

นายตวง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การเรียนการสอนของพระภิกษุสามเณรไม่ได้มีงบอุดหนุนรายหัว ซึ่งพระท่านก็จัดการศึกษาสายปริยัติธรรมตามบารมีของท่าน ดังนั้นจึงได้มีการจัดทำพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 ขึ้น โดยเนื้อหาสาระประกอบด้วย 1.บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนของโรงเรียนพระปริยัติธรรมจะต้องเป็นบุคลากรทางการศึกษาที่มีตำแหน่ง เงินเดือน วิทยฐานะ 2.การจัดการเรียนการสอนของพระต่อไปจะต้องมีเงินอุดหนุนรายหัวที่เหมือนกับนักเรียนทั่วไป 3.การทำวิทยฐานะจะต้องได้มาตรฐานคุณภาพเทียบเคียงประสบการณ์ได้ เพราะฉะนั้น การที่จะทำได้จำเป็นจะต้องหามืออาชีพมาช่วยพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา

ด้านนายศักดิ์สิน โรจน์สราญรมณย์ ประธานกรรมการพว.กล่าวว่า ถือเป็นมิติใหม่ในการสร้างความเข้าใจให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งเราต้องรีบลงมือทำ ซึ่งการพัฒนาอบรมไม่ใช่เป็นการพูดเพียงอย่างเดียว โดยจะส่งทีมลงไป 9 ทีม เพื่ออบรมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อให้ครูเห็นภาพของการเรียนการสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง นำไปสู่การสร้างผลงานนวัตกรรม เมื่อทุกคนเอาผลมานำเสนอจะเห็นว่าผลที่เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ต่างวิชาแต่เกิดจากกระบวนการเดียวกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image