สศร.ปลื้ม ‘บ้านคนบ้านช้าง’ ติดอันดับ5พาวิลเลียนคนแห่ชมเวนิสเบียนนาเล่
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ดร.วิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย(สศร.) เปิดเผยว่า ตามที่ สศร. ร่วมกับ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลงานบ้านคนบ้านช้างของ ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา ศิลปินศิลปาธ ไปจัดแสดงในไทยพาวิลเลียน ภายในนิทรรศการสถาปัตยกรรมนานาชาติเวนิสเบียนนาเล่ ครั้งที่ 17 ณ เมืองเวนิส สาธารณรัฐอิตาลี โดยมี 46 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งมีการกำหนด หัวข้องานว่า “เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร” ล่าสุด เว็บไซต์ dailyartmagazine.com ได้นำเสนอ การจัดอันดับ 5 พาวิลเลียนที่น่าสนใจ ภายใน นิทรรศการสถาปัตยกรรมนานาชาติ หรือ เวนิสเบียนนาเล่ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่พาวิลเลียนไทย ติดอันดับ ด้วย 1 ใน 5 ด้วย โดยภายในจัดแสดงThe Elephant (บ้านคนบ้านช้าง ) โดยมี ร.ดร.อภิรดี เกษมศุข เป็นภัณฑารักษ์ ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างการอยู่ร่วมกันของคนและช้างไทย โดยได้มีการสำรวจเรื่องราวของชาวกูย กลุ่มชาติพันธุ์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ที่ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับช้างมายาวนานหลายร้อยปี มาร้อยเรียงเนื้อหาบอกเล่าผ่านนิทรรศการนำเสนอบ้านที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงทั้งคนและช้าง อีกทั้งได้รับรายงานว่า ผลงานบ้านคนบ้านช้างได้รับความสนใจจากผู้ชมที่หมุนเวียนมาชมอย่างไม่ขาดสาย
ดร.วิมลลักษณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ มีอีก 4 พาวิลเลียน ได้แก่ อุซเบกิสถาน เสนอเรื่องราวของ mahallas หรือชุมชนที่อยู่อาศัยในเขตปกครองตนเอง รวมถึงเสนอพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์และรูปแบบทางสังคมของชุมชนดังกล่าว ประเทศแอลเบเนีย : The Neighborliness บอกเล่าการเฉลิมฉลองแนวคิดเพื่อนบ้านที่ดีและวิวัฒนาการจากสังคมชุมชนไปสู่ความเฉยเมยอันโดดเดี่ยว ประเทศแคนาดา: The Impostor Cities มีการวิเคราะห์สถาปัตยกรรมเมืองผ่านประวัติศาสตร์ของฉากในภาพยนตร์ ที่ไปถ่ายทำที่แคนนาดา และมีการจำลองกรุงโตเกียว ปารีส ลอนดอน หรือมอสโก ด้วย และประเทศ เปรู: The Playground สร้างแนวคิดเมืองซึ่งประตูและรั้วถูกยกออกไป เปลี่ยนพื้นที่สาธารณะให้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์คล้ายสนามเด็กเล่น ซึ่งเชิญชวนให้มาสำรวจและมีปฏิสัมพันธ์กัน
“มั่นใจว่าผลงานของศิลปินไทยสามารถทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ด้วยการสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น จ.สุรินทร์ ทั้งช้างและคน ที่อยู่ด้วยกันใกล้ชิด โดยผู้เข้าร่วมแสดงผลงาน นักท่องเที่ยว ผู้ชมงานศิลปะอีกหลายแสนคน จะได้เห็นความงดงามของวัฒนธรรมไทย เกิดความประทับใจ และลดภาพจำการใช้แรงงานช้างหรือนำช้างไปเร่ร่อนในเมือง อีกทั้งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเที่ยวจ.สุรินทร์ หลังโควิด-19 คลี่คลาย” ผู้อำนวยการสศร. กล่าว