‘นักวิชาการ’ ชี้ 2 มหาไลฟ์สดดูที่เจตนา เทศน์แนวฮามีมานานแล้ว พศ.จับตาหวั่นไม่เหมาะสม

 ‘นักวิชาการ’ ชี้ 2 มหาไลฟ์สดดูที่เจตนา เทศน์แนวฮามีมานานแล้ว พศ.จับตาหวั่นไม่เหมาะสม

กรณี พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ไลฟ์สดสนทนา สอดแทรกธรรมะ ทางเฟซบุ๊ก และมีผู้เข้าชมไลฟ์สดพร้อมกันถึง 2.1 แสนคน กลายเป็นที่พูดถึงในทวิตเตอร์ #พระมหาสมปอง #พระมหาไพรวัลย์ ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ในทวิตเตอร์ ที่มีคนเข้าไปติดแท็กพูดคุยมากถึง 1 ล้านครั้งในแต่ละคำ ด้วยการพูดคุยที่เข้าถึงง่าย และทำให้หลายคนมีรอยยิ้ม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมนั้น

นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ.กล่าวว่า กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระทั้ง 2 รูป และขอให้มีการลงโทษทางวินัยนั้น ทาง พศ.ได้อธิบายและทำความเข้าใจ โดยพระทั้ง 2 รูปไม่ได้มีตำแหน่งทางการปกครองเป็นเพียงพระลูกวัด ดังนั้นกระบวนการพิจารณาต้องเป็นไปตามลำดับชั้น ในกรณีนี้ เริ่มจากเจ้าอาวาส ต้นสังกัด คือ วัดสร้อยทอง และหากเจ้าอาวาสวัดสร้องทอง เห็นว่าเกิดอำนาจ ก็สามารถเสนอให้เจ้าคณะแขวน และเจ้าคณะปกครองที่สูงขึ้นไปพิจารณาตามลำดับ

นายสิปป์บวรกล่าวต่อว่า ในส่วนของ พศ. นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการ พศ. สั่งการให้จับตาและรวบรวมข้อมูล หากต้องมีการพิจารณาจะได้มีความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย กรณีหากมีเรื่องเสียหาย จะได้ถวายข้อมูลให้เจ้าคณะผู้ปกครองเพื่อพิจารณาตักเตือน แม้เรื่องนี้จะไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่ก็ต้องดูความเหมาะสม ส่วนได้มีการหารือกับ พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ฌาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง เพื่อพิจารณาดำเนินการหรือไม่นั้น พศ.คงไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจการปกครองของเจ้าอาวาสได้ เพราะถือเป็นพระเถระผู้ใหญ่ เชื่อว่า เจ้าอาวาสจะมีข้อพิจารณาที่เหมาะสมอยู่แล้ว

นายสมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอุษาคเนย์และพระพุทธศาสนา กล่าวว่า การสอนธรรมะแนวฮา แนวฮาไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ถือว่าเป็น How to ในการสื่อสาร ถ้าสมัยนี้ก็เรียกว่า edutainment การเทศนาแนวฮา หรือแนวบันเทิง มีมาแล้วในสังคมไทย เช่น เทศน์ 2-3 ธรรมมาสน์หรือสวดคฤหัสถ์ ที่ภาคเหนือเมื่อหลายปีก่อน  หรือที่รู้จักตุ๊ลุงทอง หรือฉายา “ตุ๊จก” เทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์แล้วสอดแทรกมุขตลก ฟังไปหัวเราะไป ตอนหลังมีคนบันทึกเทปเอามาขาย ฟังแล้วก็สนุกเหมือนฟังสดๆ ดังนั้นกรณีของ 2 พระมหา จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่แปลกใหม่ตรงที่มีการเทศน์ผ่านช่องทางที่ทันสมัย และกลุ่มเป้าหมายคือ คนรุ่นใหม่ ซึ่งเข้ามารับฟังจำนวนมากกว่า 2 แสนคนถือว่าประสบความสำเร็จ

Advertisement

นายสมฤทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนความเหมาะสมหรือไม่นั้น ทางพระพุทธศาสนา ให้ดูที่เจตนา ถ้าเจตนาเป็นไปตามเป้าหมายทางการกุศล การกระทำ หรือวิธีการอาจไม่สำคัญเท่าเป้าหมาย ดังนั้นการเทศน์ของพระทั้ง 2 รูป จึงไม่ถือว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม โลกสมัยใหม่ต้องมีการปรับตัว ส่วนผู้ที่บอกว่า ไม่เหมาะสม เป็นเรื่องของกลุ่มคนที่ต้องการรักษารูปแบบเดิมๆ และรักษาอำนาจเก่า ซึ่งปัจจุบันรูปแบบต่างๆ ล้วนต้องมีความเปลี่ยนแปลง

“แต่การไลฟ์ครั้งนี้ ก็ยังมีข้อท้วงติง 2 เรื่อง ซึ่งไม่ใช่วิธีการสื่อสาร เพราะทั้ง 2 รูปทำได้ดีอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของศิลปะในการพูด อย่าง พระไพรวัลย์ ซึ่งหัวเราะมากเกินไป จนดูน่ารำคาญ ขณะที่พระมหาสมปอง สามารถควบคุมตัวเองได้พอเหมาะ พอสม อีกเรื่องคือ การเปิดรับบริจาค ไม่ควรทำโจ่งแจ้งเกินไป เข้าใจว่า การไลฟ์อาจจะต้องมีค่าใช้จ่าย หรือต้องนำปัจจัยไปช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ แต่ก็ควรทำอย่างมีศิลปะ สอดแทรก ไม่ใช่ปักหมุดแบบโจ่งแจ้งเกินไป” นายสมฤทธิ์

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image