‘สุจิตต์’ ชี้ข้อเสนอ ‘ศ.ดร.พิริยะ’ เปลี่ยนประวัติศาสตร์ หนุนทวารวดีอยู่ ‘ศรีเทพ’-อจ.รามคำแหง ยันต้องอยู่ลุ่มน้ำป่าสัก เผยเหตุวงวิชาการตีความพลาด เพราะหยิบข้อความจากบันทึกหลวงจีนอี้จิงไม่ครบถ้วน
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม กรณี ศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ประกาศข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับ ‘ทวารวดี’ ว่าตั้งอยู่ที่เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ไม่ใช่เมืองนครปฐมโบราณ หรือเมืองอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ตามที่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อกันในปัจจุบัน เนื่องจากทวารวดีนับถือศาสนาพราหมณ์เป็นหลัก ไม่ใช่พุทธ ขณะที่นครปฐม และอู่ทองนับถือพุทธเป็นหลัก นอกจากนี้ เมืองโบราณศรีเทพยังพบเทวรูปพระกฤษณะผู้สร้างเมืองทวารวดีแห่งเดียวในประเทศ อีกทั้ง มีหลักฐานถึงความสอดคล้องกับชื่อ ‘กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา’ นามเดิมกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
ล่าสุดนายสุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์วันที่ 28 ธันวาคม ว่าข้อเสนอของศ.ดร.พิริยะ เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเท่ากับเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไทยในขณะที่ปัจจุบันสังคมไทยถูกครอบงำโดยแนวคิดด้านเดียวว่าทวารวดีอยู่ที่นครปฐม ทั้งที่ไปพบหลักฐานเกี่ยวกับคติทวารวดีซึ่งเป็นพราหมณ์-ฮินดู ไม่ใช่พุทธ เพราะทวารวดีเป็นเมืองพระกฤษณะ ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์ หรือวิษณุ
“นี่คือเรื่องใหญ่ มันเท่ากับเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ประเด็นเรื่องทวารวดี มีปัญหา ที่ผ่านมาชื่อและที่ตั้งของทวารวดีมาจากการสันนิษฐานหรือคาดเดาจากเอกสารจีนโบราณที่เขียนไว้หลัง พ.ศ.1100 ซึ่งไม่อาจถือเป็นข้อยุติที่ถูกต้องสมบูรณ์ จึงเปิดช่องให้ทักท้วงถกเถียงได้ไม่จำกัด แต่มีปัญหารุ่มร่ามรุงรัง เพราะทวารวดีถูกสถาปนาจากชนชั้นนำทางวัฒนธรรม จึงถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครจะละเมิดไม่ได้ ถ้าคิดต่างต้องถูกใส่ร้าย หากเป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษาก็สอบไม่ผ่าน นอกจากนี้ ยังถูกโฆษณาเกินจริงจากอำนาจของรัฐราชการรวมศูนย์โดยผ่านระบบการศึกษา แล้วหล่อหลอมกล่อมเกลาและครอบงำให้สังคมต้องเชื่อข้อมูลชุดนี้ชุดเดียวอย่างเชื่องๆ เช่น ทวารวดี นับถือศาสนาพุทธ แต่หลักฐานยืนยันว่านับถือศาสนาพราหมณ์, ราชธานีของทวารวดี อยู่เมืองนครปฐมโบราณ แต่หลักฐานยืนยันมั่นคงว่าอยู่เมืองศรีเทพ-ละโว้ (ลพบุรี) ในลุ่มน้ำป่าสัก, อำนาจทางการเมืองของทวารวดี มีกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่เกือบทั่วประเทศไทย โดยอาศัยหลักฐานชี้ขาดทางประวัติศาสตร์ศิลปะ เช่น สถูปเจดีย์, พระพุทธรูป ฯลฯ แต่พยานหลักฐานแวดล้อมทั้งมวลไม่เป็นอย่างนั้น, ประชากรอาณาจักรทวารวดีมีกลุ่มเดียวเป็นมอญ แต่หลักฐานวิชาการชี้ชัดว่าประชากรทวารวดีประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์” นายสุจิตต์กล่าว
นายสุจิตต์กล่าวต่อไปว่า เมืองศรีเทพมีคูน้ำคันดินเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีพัฒนาการจากชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์มากกว่า 3,000 ปีมาแล้ว อยู่ช่วงกลางของแม่น้ำป่าสัก โดยมีช่วงต้นน้ำอยู่ในเขตจังหวัดเลย เชื่อมโยงถึงแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรคับคั่ง ส่วนช่วงปลายน้ำป่าสักเป็นที่ตั้งพระนครศรีอยุธยา เมื่อแรกสถาปนามีนามทางการว่า ‘กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา’ หมายถึงกรุงศรีอยุธยาสืบทอดมาจากทวารวดี ส่วนแม่น้ำป่าสักเมื่อถึงอยุธยาไหลรวมกับแม่น้ำเจ้าพระยาไปออกอ่าวไทย เป็นเส้นทางคมนาคมการค้าระยะไกลกับจีน และอินเดีย ซึ่งมีก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงเวลาที่ถูกเรียกสุวรรณภูมิ เมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว หรือราว พ.ศ. 500
รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ตนมีความเห็นสอดคล้องกับศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ไกรกฤษ ว่าทวารวดีอยู่เมืองศรีเทพซึ่งเป็นเครือข่ายเครือญาติกับเมืองละโว้ (ลพบุรี) ในลุ่มน้ำป่าสักเช่นกัน เนื่องจากหลักฐานต่างๆ บ่งชี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความในจารึกศาลเจ้าเมืองลพบุรี อักษรขอมโบราณ ภาษาเขมร พูดถึงเทวรูปกมรเตงอัญ วาสุเทวะ ซึ่งเป็นบิดาพระกฤษณะ และบางครั้งได้รับการนับถือในฐานะอาตารหนึ่งของพระวิษณุด้วย เพราะฉะนั้นการกล่าวถึงเทวรูปดังกล่าว รวมถึง การพบประติมากรรมพระวิษณุ สะท้อนว่าที่ลพบุรีบูชาพระวิษณุเป็นสำคัญ ไม่ใช่ศิวลึงค์ จึงยิ่งชัดเจนถึงความเป็นเมืองทวารกา หรือทวารวดีของพระกฤษณะในลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของศรีเทพ-ละโว้ เพราะฉะนั้น ทวารวดี อยู่ที่ลุ่มน้ำป่าสัก ไม่ใช่ลุ่มน้ำอื่น และไม่ใช่นครปฐม
“หลักฐานที่มักอ้างจากบันทึกหลวงจีนอี้จิงว่าทวารวดีอยู่ระหว่างพุกาม และอีศานปุระนั้น ไม่จริง เพราะหากไปพิจารณาต้นฉบับภาษาจีนซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ไทเป จะพบว่ามีเมืองอื่นคั่น แต่กลับถูกหยิบมาอ้างอิงไม่ครบ การตีความของวงวิชาการจึงคลาดเคลื่อนมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ การที่อยุธยาใช้ชื่อกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา โดยผู้สถาปนา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ก็มาจากลพบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในลุ่มน้ำป่าสักเช่นเดียวกับเมืองศรีเทพ ที่สำคัญคือ นิทานเรื่องการสร้างกรุงศรีอยุธยาไม่เกี่ยวข้องกับนครปฐมเลย เรื่องราวในพระราชพงศาวดารก็ไม่เกี่ยวกับนครปฐมเลย เพราะฉะนั้น ทวารวดีจะอยู่ที่นครปฐมได้อย่างไร” รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าว
