เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่ประชุมมหาเถรสมาคม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราช ประธานประชุม มหาเถรสมาคมฯ มีสมเด็จพระวันรัตน วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร สมเด็จพระธีรญาณมุณี วัดเทพสิรินทราวาส ราชวรวิหาร สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระพรหมเมธาจารย์ วัดบุรณศิริมาตยาราม พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์ วรวิหาร พรหมดิลก วัดสามพระยา พระพรหมโมลี วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร พระธรรมธัชมุนี วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร พระธรรมบัณฑิต วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม เข้าร่วมประชุม ใช้เวลา 1 ชั่วโมง การประชุมจึงแล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร และพรหมดิลก วัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ถูกกล่าวโทษในการกระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมได้เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมในวันนี้ มีกรรมการมหาเถรสมาคม เข้าร่วมประชุมมากเป็นพิเศษ ขาดเพียง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศากวัน ที่สุขภาพไม่แข็งแรง
ต่อมา พ.ต.อ.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ) ให้สัมภาษณ์หลังที่ประชุมมหาเถรสมาคมเสร็จสิ้น ที่ห้องแถลงข่าว กรณีที่มีการกล่าวโทษในการกระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมของพระและเจ้าหน้าที่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของผู้บังคับใช้กฎหมาย สื่อมวลชนอยากได้ข่าว หรือ ข้อมูลให้สอบถามที่หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งขณะนี้ก็คือ ปปป. และปปช. และในการกล่าวหา เป็นการกล่าวหาตามมูล หรือหลักฐานที่ตำรวจให้ไปแจ้งความ ไม่ได้กระทำในลักษณะที่เป็นการอคติ เป็นหน้าที่ ที่ต้องกระทำและกระทำแล้วก็มิได้ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่ และพระ เป็นผู้กระทำผิด เพราะขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นสอบสวนหรือไปที่ปปช.เรียกว่า การไต่สวนหรือวินิจฉัย ซึ่งปปช.ยังมิได้เริ่มเลย จึงยังไม่มีพยานหลักฐานครบถ้วน ที่จะพิสูจน์ได้ว่า “ใครผิดใครถูก” ขณะนี้ยังไม่มีผู้กระทำความผิด รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้แล้วว่าบุคคลได้รับการสันนิษฐานว่า “บริสุทธิ” จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่ากระทำความผิด
