สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จัดกิจกรรมสักการะพระธาตุและวัดสำคัญใน จ.ว.ภาคเหนือ อาทิวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี,วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระพุทธชินราช),วัดพระศรีโคมคำ จ.พระเยา,วัดพระแก้วจ.เชียงราย,และวัดพระธาตุสายเมือง ,พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ ,พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุพญาภู จ.น่าน ,พระธาตุจอมกิตติ พระธาตุผาเงา จ.เชียง ,พระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย ,พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง และพระมหาเจดีย์ชเวดากอง(องค์จำลอง)อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 19-24 พ.ค.
โดยมีพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ,พระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ,พระเมธีวรญาณ (ท่านเจ้าคุณสายเพชร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤฏ์ (ท่าพระจันทร์ กทม.)นายวินัย วีระภุชงค์ ประธานมูลนิธิวีระภุชงค์ และนวลละออ วีระภุชงค์ พร้อมครอบครัว นายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานชมรมโพธิคยาฯ
นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานชมรมฯ นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันฯนายเกษม มูลจันทร์ รองเลขาธิการ สถาบันฯร่วม กิจกรรม นอกจากนี้มีผู้ร่วมคณะอาทิ พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ รอง ผบ.ทสส.และพล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ประธานสมาคมมิตรภาพไทยโดยวันที่ 20 พ.ค.คณะเดินทางไปที่นมัสการพระธาตุแช่แห้ง สักการะพระเจ้าฝนแสนห่า วัดพญาวัด และเดินทางไปสัการะพระธาตุพญาภู จ.น่าน โ้ดยในช่วงบ่ายมีฝนตกเป็นระยะ
พระเมธีวรญาณ (เจ้าคุณสายเพชร) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการจัดที่ให้พุทธบริษัทได้มาน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าที่ทำให้พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายมาในสุวรรณภูมิพร้อมกับได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนชาติไทยในอดีตทำให้รู้ว่าพระพุทธศาสนามีส่วนสำคัญในการสร้างชาติบ้านเมืองมีความเป็นปึกแผ่นมาอย่างยาวนาน ส่วนพิธีสืบชะตาเหมือนกับพิธีต่ออายุทำให้เกิดมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงโดยนำบทสวดพระพุทธมนต์มาใช้เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลในพิธี ซึ่งถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยพระพุทธกาล
