จับตา 7 มี.ค. อีก ‘ไฮไลต์’ โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง

ไฮไลต์การเมืองในช่วง 20 วันอันตรายของการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งอยู่ที่การเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

เจ้าตัวยังขอดูความชัดเจน คาดว่ารอเคลียร์ปัญหากฎหมาย และอุปสรรคต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน

กระแสข่าวบอกว่าบิ๊กตู่เองพร้อมลุย แต่ทีมงานใกล้ตัวไม่เห็นด้วย

เห็นว่าสุ่มเสี่ยงเกินไป เกรงว่าจะมีปัญหาตามมา

Advertisement

การที่พรรคพลังประชารัฐงัดไม้ตาย เข็นบิ๊กตู่ขึ้นเวที สะท้อนการช่วงชิงที่เข้มข้นในช่วงก่อนเข้าคูหา

หากบิ๊กตู่ขึ้นเวที อย่างน้อยในฐานะชาวโคราช ก็ยังมีจุดเชื่อมโยงกับฐานอีสาน ที่ขึ้นชื่อว่าเจาะยากเจาะเย็น

หรือหากเดินสายไปในภาคต่างๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับการเตรียมแบ่งคะแนนของพรรค

Advertisement

ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมด รอนายกฯเดินมาขึ้นเวทีเท่านั้นเอง

แต่ถ้าบิ๊กตู่ไม่มาซึ่งมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก ในขณะนี้ พปชร.ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

สถานการณ์ของ พปชร.เองในตอนนี้ มีความมั่นใจว่ามีคะแนนในทุกเขตเลือกตั้ง

ถ้าไม่ได้ที่ 1 ในเขต เข้าที่ 2 ก็หมายถึง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

ผลสำรวจของพรรคเอง ยืนยันว่า ขณะนี้แซง ปชป.ไปแล้ว และลดช่องห่างกับเพื่อไทย

ถ้าเร่งสปีดได้อีก ทางแกนนำหวังว่า มีโอกาสได้ชิงดำอีกเหมือนกัน

อีกไฮไลต์ อันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และเชื่อมโยงกับเกมการเมืองในภาพรวม อยู่ที่วันที่ 7 มี.ค.

อันเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดตัดสินคดีพรรคไทยรักษาชาติ

ทุกพรรคจับตาผลการตัดสิน เพราะจะก่อให้เกิดนัยยะ และผลสะเทือนต่างๆ

หาก ทษช.ได้เดินทางต่อไปก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้าม ก็ต้องดูว่าจะก่อให้เกิดกระแสความคิดความเห็นอย่างไร

โดยเฉพาะ จะเป็นบวกหรือลบต่ออำนาจรัฐ ที่มี พปชร.เป็นตัวแทนอยู่

และคำถามสำคัญคือ แล้วฐานเสียงของพรรคนี้จะไปทางไหน

จะไปพรรคเพื่อไทย ก็คงจะไม่ใช่คำตอบที่ตรงนัก เพราะพรรคนี้ลุ้นได้ ส.ส.เขตเต็มเพดาน ไม่มีสิทธิลุ้นปาร์ตี้ลิสต์

คำตอบก็คือ คงจะไป “พรรคเป้าหมาย” ที่พอจะมองเห็นกันแล้ว จากนั้นอาจจะพอมีช่องว่างให้ช่วงชิงคะแนนกัน

เป็นจังหวะของสถานการณ์ที่ พปชร.เอง ก็ต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้เป็นผลดีกับตัวเอง

การดันหลังบิ๊กตู่ขึ้นเวทีในช่วงนี้ จึงเป็นความหวังว่าอาจจะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้พรรคได้

เหลียวหน้าแลหลังสนามเลือกตั้ง จะพบว่า มาถึงจุดนี้ เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหลายเรื่อง

อาการดีดตัวของ พปชร.ในส่วนบนของตารางคะแนนก็เรื่องหนึ่ง

ในตอนกลางของตารางคะแนน พรรคการเมืองที่ครองพื้นที่ตรงนี้ ทั้ง ปชป.และภูมิใจไทย ต้องเริ่มขยับตัวแก้เกม

เพราะเห็นการพุ่งตัวขึ้นมาของพรรคอนาคตใหม่

จากเดิมที่ตั้งพรรคเพื่อโชว์ธง โชว์อุดมการณ์ของพรรค มุ่งเก็บปาร์ตี้ลิสต์เป็นหลัก

แต่กระแสที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียและหาเสียงออนไลน์อย่างได้ผล เข้าถึงบรรดานิวโหวตเตอร์

ทำให้เริ่มมีความหวัง ส.ส.เขต ติดไม้ติดมือทั้ง กทม.และ 4 ภาค

แม้แต่ภาคใต้ที่เจ้าถิ่นว่าแข็งๆ ก็ไม่แน่เหมือนกัน

แต่อนาคตใหม่ก็อาจสะดุดตอหัวทิ่มได้เหมือนกัน

เมื่อบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงข่าวดำเนินคดีผู้ต้องหาแชร์ภาพ-ข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งจิบกาแฟโดยมีพาดหัวข่าวว่า ป้อมแจง งบจิบกาแฟข้างทาง 82,000 บาท ซึ่งเป็นข่าวปลอม

1 ใน 6 ผู้ต้องหาคือ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

และยังมีข่าว กกต.รับคดีที่มีผู้ยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ จากการระบุในเว็บไซต์ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูลผิดพลาด ฯลฯ

เวลาอีก 20 วันที่เหลือจึงประมาทไม่ได้

เพราะยังเอื้ออำนวยให้เกิดการ “พลิก” ได้อีกหลายตลบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image