แกะกล่อง : “อุ๊” ไพลิน ชดช้อย บางนา-พระโขนง ชพน.

“อุ๊” ไพลิน ชดช้อย เป็นอีก 1 คนรุ่นใหม่ที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) คัดสรรมานำเสนอ

เป็นอีก 1 ค็อกเทลการเมืองที่ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรคอยากเห็น

จากบัณฑิตวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ สู่มหาบัณฑิตด้านบริหาร มหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านประสบการณ์การทำงานจากบริษัทสารสนเทศระดับโลก อย่าง ไอบีเอ็ม และการ์ตาร์ แอร์เวย์ สายการบินระดับโลก ก่อนผันตัวเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 21 บางนา พระโขนง ในการเลือกตั้งหนนี้

“อุ๊” บอกว่า แม้ประสบการณ์การทำงานทั้ง 2 ที่อาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ตรงที่เกี่ยวกับการเมือง แต่เธอมั่นใจว่า นี่คือจุดแข็งที่ทำให้เห็นปัญหาของคนทั่วไปได้ดี

Advertisement

โดยเฉพาะ พื้นที่บางนา พระโขนง ที่ได้เสนอตัวเป็นทางเลือกให้กับประชาชน

“ทั้ง 2 เขตถือว่า มีกลุ่มคนหลากหลาย พระโขนงประกอบไปด้วยคนทำงาน แต่บางนาเป็นขอบที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองกับเขตอุตสาหกรรม เป็นเมืองท่า ขณะที่ผู้คนอาศัยอยู่ตามหมู่บ้านใหญ่ๆ จึงมีห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก ดังนั้น นอกจากเรื่องปากท้องที่ทุกพื้นที่มีแล้ว พื้นที่นี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีก เช่น ด้านอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม หรือยาเสพติดด้วย”

ด้วยสภาพปัญหาที่แต่ละเขตมีไม่เหมือนกัน วิธีการแก้ปัญหาก็ต้องแตกต่างกันด้วย สำหรับ “อุ๊” นโยบาย 9 สมาร์ท “Bangkok NoProblem” ของชพน.ที่มีความหลากหลาย จึงตอบโจทย์ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะต่างๆ ซึ่งเป็นโจทย์ที่เธอได้รับเสียงสะท้อนกลับมาจากการลงพื้นที่

Advertisement

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุที่เธอคิดว่า ชพน.ตอบโจทย์สำหรับการก้าวเข้ามาสู่ถนนทางการเมือง

นั่นคือ วิสัยทัศน์ของประธานที่ปรึกษาพรรคที่นำหลักการการทำงานช่วง “เศรษฐกิจยุคทอง” ยุคพล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ กลับมาใช้

“ในฐานะคนรุ่นใหม่ อยากให้การเมืองเดินไปในแนวทางตามวิถีของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เปลี่ยนสนามรบจากความขัดแย้งทางการเมือง แบ่งฝ่ายให้เป็นสนามการค้า อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น ใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางโดยที่ไม่มีการปิดกั้นจากฝ่ายไหน ให้ประชาชนเรียนรู้ถึงข้อเท็จจริงในทุกๆเรื่อง ทั้งกระบวนการออกกฎหมาย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน”

ถามว่า กลัวไหมกับคำว่า การเมือง “อุ๊” ตอบว่า ไม่กลัว อาจเพราะ ไม่ได้อยู่ในแวดวงการเมืองมาก่อน และเคยมองว่าการเมืองคือเรื่องที่ไกลตัว แต่งานการเมืองก็เหมือนกับหลักการทำงานในอาชีพอื่น คือทำในสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด

“การเมืองถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ นักการเมืองจึงเสมือนเป็นคนกลางในการสะท้อนปัญหาจากประชาชนไปสู่รัฐบาล มันไม่ใช่แค่การทำงานเพื่อตัวเอง แต่เป็นการทำงานเพื่อส่วนร่วม โดยเฉพาะ เมื่อมีที่มาจากประชาชน”

แน่นอนว่า แม้ในกทม.จะมีพรรคใหญ่เป็นเจ้าของพื้นที่มาอย่างยาวนาน แต่หากพี่น้องประชาชนอยากเปลี่ยน เธอก็มั่นใจว่า ชพน.ดีพอที่จะเป็นทางเลือกให้คนกทม.ได้

จึงขอเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิสะท้อนเจตนารมย์ผ่านการเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ให้มากๆ

เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image