เฌอเอม รุกถาม ‘ไพบูลย์’ คาเวทีมิสแกรนด์ จี้ตอบปมใช้ความรุนแรงม็อบ

เฌอเอม รุกถาม ‘ไพบูลย์’ คาเวที จี้ตอบปมใช้ความรุนแรงม็อบ

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ดีซี (Show DC) กองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 นำโดย นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้จัดเวที “มิสแกรนด์กับอนาคตการเมืองไทย หลังเลือกตั้ง ปี’66” ภายใต้คอนเซ็ปต์ #มิสแกรนด์เพื่อประชาธิปไตย โดยมีตัวแทนจากทั้ง 8 พรรคการเมืองส่งตัวแทนเข้าร่วม

โดยรูปแบบของรายการจะเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวแทนของพรรคการเมืองร่วมพูดคุย แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ และตอบคำถามของเหล่านางงามเกี่ยวกับประเด็นสังคมต่างๆ โดยมีผู้เข้าชมจำนวนมาก กระทั่งดันให้แฮชแท็ก #มิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทย ขึ้นอันดับเทรนด์ฮิตในทวิตเตอร์ประเทศไทย

ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ที่มีผู้บันทึกไปแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง คือวินาทีที่ เฌอเอม – ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน 2023 ที่ได้ลุกขึ้นถามคำถามกับ “นายไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า

Advertisement

“มันยากมากที่จะได้พูดกับคนจากฝ่ายรัฐบาล มันไม่ได้อยู่ในนโยบายของท่านนะคะ แต่เป็นสิ่งที่ดิฉันเคยทำงานมา เพราะฉะนั้นขอถามหน่อยค่ะ เรื่องของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งเพิ่งผ่านครั้งแรกเมื่อ 22 ก.พ. แต่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เลื่อนออกไปอีก สาระสำคัญยาวมาก ดิฉันคงไม่มีเวลาพูด

แต่สิ่งที่อยากถามก็คือ การสูญหาย ความรุนแรง ความรุนแรงโดยเฉพาะความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมเกิดขึ้นเยอะที่สุดในยุครัฐประหาร และต่อมาก็เป็นยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยเป็นอดีตแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐที่ท่านมาเป็นตัวแทนในวันนี้ ไม่ทราบว่าหากท่าน พรรคของท่านได้เป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ท่านจะทำอย่างไรคะ

ที่จะเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้คนในสังคมที่เจ็บช้ำจากบาดแผลของคณะท่าน ตั้งแต่วันปฏิวัติรัฐประหารเป็นต้นมา ท่านจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกว่า ถ้าเลือกท่านแล้ว จะไม่มีการถูกใช้ความรุนแรงอีก ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลัง

Advertisement

แล้วก็ท่านบอกว่าท่านเป็นตัวแทน ท่านอาจจะต้องเอาไปปรึกษากับพรรคอีกครั้งหนึ่ง ดิฉันคิดว่าท่านยังพอมีเวลาที่จะประกาศ ถ้าท่านประกาศเรื่องนี้ออกมาแล้ว ช่วยแท็กมิสแกรนด์ไทยแลนด์ด้วยนะคะ เพื่อให้พวกเราได้รู้ถึงเจตนารมณ์ของท่าน

2 คนที่ดิฉันทำงาน ไม่ได้ทำงานร่วมด้วยเพราะเขาตายจากไปแล้ว แต่ทำงานเพื่อส่งเสียงแทนพวกเขาในยุคของพวกท่าน นั่นคือ 1.นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ชาวกะเหรี่ยงหมู่บ้านบางกลอย และ 2.นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้น รบกวนท่านช่วยพูดกับทุกคนในสังคมที่หวาดกลัวในขณะที่ต้องเรียกร้องสิทธิภายใต้รัฐบาลของท่านด้วยค่ะ”

ซึ่ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ตอบว่า ผมก็คิดเหมือนน้องเลยเรื่อง พ.ร.ก.อุ้มหาย เป็นเรื่องที่ผมเป็นกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรมสิทธิมนุษยชน กรรมาธิการชุดนี้เป็นชุดที่ผลักดันกฎหมายชุดนี้ออกมา และผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกฎหมายนี้ผมก็ได้ฟังหลายครั้ง มันเป็นความจำเป็น และเป็นความเดือดร้อนอย่างยิ่ง ในกรณีที่มีการซ้อมและทรมานโดยเจ้าหน้าที่เวลาไปจับกุมอะไรต่างๆ ฉะนั้นจึงต้องให้มีกล้องถ่ายทำตลอดเวลา เพื่อที่จะให้ความยุติธรรม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราทั้งสภาด้วย ไม่ใช่แค่พรรคพลังประชารัฐ แต่ทุกพรรคในสภา มีเสียงเป็นเอกฉันท์ สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้

แต่ผมต้องพูดให้มากกว่า เพราะผมเป็นกรรมาธิการในชุดนี้ด้วย กรณีที่เยียวยาเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าตรวจสอบได้ว่ามีปัญหา ต้องเยียวยาอยู่แล้ว และต้องเยียวยาให้เพียงพอ ชดเชยในส่วนที่เขาเสียหาย แต่ถ้าให้ดีต้องอย่าให้เสียหาย อย่าให้เกิด ดังนั้น กฎหมายหลังปรากฏแล้วเรื่องนี้ก็จะลดน้อยลง ซึ่งเรื่องบทลงโทษก็ประกาศแล้ว

เฌอเอม ชญาธนุส ได้ถามต่อว่า ในกรณีที่บทลงโทษมีการประกาศใช้แล้ว แต่กรณีก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งมีท่านเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ที่มีคนถูกกระสุนยางยิง ตาบอด เป็นแผล ผิดต่อหลักสากลในการสลายการชุมนุม ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร

รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอบว่า นี่คือความขัดแย้ง นี่คือปัญหาสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางหัวหน้า และพรรคพลังประชารัฐต้องการที่จะแก้ปัญหา เราถึงได้ประกาศแล้วประกาศอีกว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น เราได้คิดต่อว่า ถ้าก้าวข้ามไปแล้วความขัดแย้งเดิมที่มีอยู่ ความเสียหายเดิมจะทำอย่างไร ความสูญเสียของทุกฝ่าย ประชาชนทุกสี เดือดร้อนกันไปหมด สิ่งที่จะต้องแก้คือ…

เฌอเอมถามว่า แล้วที่ประชาชนออกมาเรียกร้องสิทธิให้ตัวเอง ไม่ใช่การแก้ปัญหาให้ตัวเองหรือคะท่าน (เสียงปรบมือ)

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ผมสนับสนุนในการเรียกร้อง ผมเป็นฝ่ายที่อยู่ในกระบวนการชุมนุมมาโดยตลอด ผมอยู่ตั้งแต่ปี 2551 การชุมนุมของพันธมิตร ไม่ใช่ผมไปอยู่ในที่ชุมนุมนะครับ ติดตามและอยู่ใกล้ชิดตลอด และในการชุมนุมของ นปช.และต่อด้วย กปปส.ที่ผมเข้าไปอยู่ด้วย รู้ไหมครับว่าผมเป็นอะไร ผมก็เป็นจำเลย โดนคดีกบฏ แต่ยังดีว่าศาลยกฟ้อง แต่หลายคนติดคุกกันไปหมด เพราะฉะนั้นผมเห็นปัญหาเหมือนของที่แกนนำโดนคดี แต่ประชาชนทุกการชุมนุม เสียชีวิต บาดเจ็บ แต่ละชุมนุมเป็นพัน รวมแล้วหลายพันคน

สิ่งที่เกิดจากการความขัดแย้งและปลุกปั่นจนเกิดปัญหาขึ้น ผมไม่ได้ว่าฝ่ายไหนทั้งสิ้น สังคมไทยควรจะหยุดได้แล้ว ซึ่งทำได้ 2 อย่าง คือ 1.อย่าให้เกิดขึ้นอีก 2.เยียวยา

เฌอเอม ถามว่า ท่านไม่เคยคิดหรือว่าอะไรมีค่าพอให้ประชาชนเอาชีวิตของตัวเองมาแลก หรือท่านคิดแค่ว่าความขัดแย้งมันอยู่ในหัวท่าน แล้วไม่ได้อยู่ในชีวิตของคนอื่นเลย ดิฉันโดนแก๊สน้ำตายิงจากเจ้าหน้าที่รัฐ วันที่ 13 ก.พ. คาดว่าปี พ.ศ.2020 ท่านยังเป็นรัฐบาลอยู่ค่ะ ท่านคิดว่าทำไมดิฉันต้องวิ่งออกไปให้โดนกระสุนน้ำตายิงด้วย นี่คือเสียงของประชาชนที่ออกมาชุมนุมเพื่อบอกท่าน ไม่ได้บอกให้ท่านทำให้เขาเงียบ แต่บอกให้ท่านฟังประชาชน

ทั้งนี้ ตอนหนึ่ง “เฌอเอม” บอกว่า ถ้าสมัยหน้าท่านอาจจะไม่ได้เป็นรัฐบาล “ไพบูลย์” ตอบว่าผมมั่นใจครับว่าผมทำศึกษามาหมดละ 7 สูตร เสียงเท่านั้นเท่านี้ ผมประกาศเลยว่า ยังไงพรรคพลังประชารัฐก็เป็นรัฐบาลครับ เป็นความมั่นใจของผม ผมมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นรัฐบาล 100% ไม่ใช่แค่ 99.99%

ก่อนที่เฌอเอมจะบอกว่างั้นฝากเรื่องไว้ด้วย ถ้าคราวหน้าเอมไปที่หน้าสภารบกวนท่านเปิดคอนเทนเนอร์หน้าสภาให้ด้วย เพราะไปมาหลายรอบแล้วแต่โดนแก๊สน้ำตา ปีนลวดหนาม ไม่เคยไปหาท่านได้เลย

นายไพบูลย์ได้กล่าวตอบทันทีว่า โทรมาเลยโทรมา โทรมานัดหมายแล้วไปนั่งคุยกับผมในสภา

เฌอเอมเลยเดินเข้าไปหา กระทั่งนายไพบูลย์ได้ปลดล็อกมือถือและให้เฌอเอมเมมเบอร์ให้เลย

อ่านข่าว : เปิดคำตอบ ‘เฌอเอม ชญาธนุส’ โอกาสกับคนรุ่นใหม่ ทัศนคติคว้ามง ‘มิสแกรนด์ลำพูน’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image