“A Star Is Born” หนังสะท้อนภาวะขึ้น-ลงในวงการบันเทิง ที่มีลุ้นออสการ์

“A Star Is Born” หนังสะท้อนภาวะขึ้น-ลงในวงการบันเทิง ที่มีลุ้นออสการ์

“A Star Is Born” หนังสะท้อนภาวะขึ้น-ลงในวงการบันเทิง ที่มีลุ้นออสการ์

A Star Is Born (2018) เป็นหนังรีเมกที่ถูกสร้างมาแล้วถึงสี่ครั้ง แต่ละครั้งไม่ธรรมดา คว้ารางวัลใดรางวัลหนึ่งมาครองทุกครั้ง

เริ่มจากเวอร์ชั่นปี 1937 ไม่ใช่หนังเพลงแต่เป็นหนังโรแมนติกดรามา เรื่องราวของนักแสดงชายรุ่นใหญ่ ที่สนับสนุนนักแสดงสาวสวยให้โด่งดัง ในขณะที่ตัวเขาเริ่มตกต่ำลงเพราะวัยและติดสุรา เข้าชิงรางวัลออสการ์ 7 สาขาและได้รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมมาครอง

ปี 1954 นักแสดงนำทั้งชายและหญิง (เจมส์ เมสัน และจูดี การ์แลนด์) ได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมทั้งคู่จากเวทีลูกโลกทองคำ หนังเป็นแนวละครเวทีบรอดเวย์ และได้รับเลือกให้บรรจุในทำเนียบหนังแห่งอเมริกา (US National Film Registry)

ปี 1976 เป็นหนังมิวสิคัลร็อก เรื่องราวของร็อคเกอร์สตาร์ชายขาลง กับนักแต่งเพลงสาวที่กำลังจะเป็นดาวรุ่ง (คริส คริสตอฟเฟอร์สัน และบาร์บรา สไตรแซนด์) เพลง Evergreen จากหนังเรื่องนี้ ได้รางวัลออสการ์เพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม และหนังยังได้รางวัลลูกโลกทองคำถึง 5 สาขา หนึ่งในนั้นคือ หนังยอดเยี่ยมประเภทหนังเพลงหรือตลก

Advertisement

ไม่แปลกเลยที่หนังจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนในวงการภาพยนตร์ อยากกลับมาสร้างหนังเรื่องนี้อีก แม้เนื้อหาไม่แปลกใหม่ แต่เหมือนสัจธรรมในวงการบันเทิง ชีวิตที่มีขึ้นมีลงของศิลปิน ที่บางคนอนาคตดับวูบเพราะสุรายาเสพติด ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน เรื่องราวคนในวงการบันเทิง ก็ยังคงวนเวียนอยู่แบบนี้

ดาราและผู้กำกับดัง คลินท์ อีสต์วูด (กำกับ American Sniper ที่แบรดลีย์ คูเปอร์ แสดงนำ และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม) ก็เคยจะนำ A Star Is Born มารีเมกใหม่ โดยจะให้บียอนเซ่และลีโอนาร์โด ดิคาร์ปริโอ แสดงนำ แต่มีปัญหา จนไปๆ มาๆ กลายเป็น แบรดลีย์ คูเปอร์ กระโดดเข้ามากำกับ และนำแสดงเอง

A Star Is Born เวอร์ชั่นนี้ยังคงเป็นหนังเพลง ที่ตัวเอกฝ่ายชายเป็นศิลปินเพลงคันทรีร็อกชื่อดัง แจคสัน เมน (แบรดลีย์ คูเปอร์) เขาได้พบ แอลลี่ สาวเสิร์ฟพรสวรรค์น่าทึ่ง ที่ร้องเพลงเพราะและแต่งเพลงเป็น (เลดี้กาก้า) ทั้งคู่ถูกเสียงเพลงและเสียงดนตรีเชื่อมโยงเข้าหากัน

Advertisement

แจคสันสนับสนุนให้แอลลี่เข้าสู่วงการ หนทางข้างหน้าของเธอดูสว่างไสว สวนทางกับแจคสันที่เข้าสู่ภาวะขาลง เพราะติดเหล้าและยาเสพติด

ตลอดสองชั่วโมงกว่าของหนัง คูเปอร์และเลดี้กาก้า ทำให้คนดูเชื่อจริงๆ ว่า เขาคือคันทรีร็อกสตาร์ที่กำลังตกอับ และสาวเสริฟ์มากความสามารถที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

คูเปอร์เตรียมตัวยาวนานมากเพื่อแสดงหนังเรื่องนี้ ทั้งฝึกร้องเพลงและเล่นดนตรี โดยได้ ลูคัส เนลสัน ศิลปินคันทรี่ร็อกเป็นคนติวเข้ม เพลงหลายเพลงที่เขาร้องอย่าง Black Eyes, Alibi ,May Be It’s Time, Out of Time ทั้งอารมณ์และท่วงทำนองการร้อง มีความเป็นมืออาชีพที่ลบภาพความเป็นนักแสดงของเขาออกไปอย่างสิ้นเชิง

เพลงทุกเพลงไม่มีการลิปซิงค์ เป็นการแสดงจริงต่อหน้ากล้อง ที่ดูแล้วได้อารมณ์จนรางวัลออสการ์ดาราชายยอดเยี่ยมปีนี้ น่าจะมีชื่อเขาติดโผ

ในส่วนเลดี้กาก้า ก็ไม่มีภาพลักษณ์ของศิลปินลุคประหลาด หรือเจ้าแม่แฟชั่นที่บางคนมองว่าบ้าไร้สติ ในบทแอลลี่ เธอดูเป็นผู้หญิงพื้นๆ ที่ไม่สวย แต่มีพรสวรรค์ทั้งเสียงร้องและการแต่งเพลง

เพลงส่วนใหญ่ในหนัง เลดี้กาก้าแต่งเอง ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับเพลงของเธอที่เคยฟังๆกัน ทั้งไพเราะทั้งมีความหมาย จนทำให้บทเพลงในอัลบั้มซาวด์แทร็กหนังเรื่องนี้ สามารถขึ้นชาร์ตบิลบอร์ด 200

และคาดกันว่า รางวัลออสการ์เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ น่าจะหนีไม่พ้นเพลงหวานไพเราะแบบ Shallow หรือเพลงซึ้งเศร้าแบบ I‘ll Never Love Again ที่เมื่อมาพร้อมภาพประกอบในหนัง คนดูบางคนแอบซับน้ำตา

หนัง A Star Is Born ที่ผ่านมา ไม่มีเวอร์ชั่นไหนที่ไม่ได้รางวัล มาปีนี้แอบลุ้นว่าหนังจะได้เสนอชื่อชิงออสการ์กี่สาขา การแสดงของตัวเอกทั้งสองคนโดดเด่น เคมีเข้ากันอย่างมาก เพลงประกอบไพเราะ ผู้กำกับหน้าใหม่ (แบลดลีย์ คูเปอร์) ก็สุดยอด คงต้องลุ้นและรอดูว่าหนังอมตะแบบนี้จะคว้ารางวัลอะไรมาได้บ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image