| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
Hunter Killer สนุก-สมจริง!
เจอราร์ด บัตเลอร์ เป็นดาราชายที่แสดงหนังได้หลายบทบาท เช่น หนังเพลงอย่าง Phantom of the Opera (2004) ซึ่งเขาร้องเพลงได้ไพเราะน่าทึ่งมาก ส่งอารมณ์ผ่านสายตาภายใต้หน้ากากแฟนธ่อม ปีศาจอัปลักษณ์ที่อาภัพรัก ได้อย่างน่าเห็นใจ
หนังลิเกฝรั่งแบบ 300 เรื่องราวของกษัตริย์สปาร์ตา ที่หาญกล้านำทหารแค่ 300 คนออกไปต่อกรกับกองทัพเปอร์เซียนับล้านอย่างองอาจและทระนง จนกลายเป็นตำนานที่เล่าขานปากต่อปาก
P.S. I Love You หนังรักจำพรากสุดแสนโรแมนติกที่ดูแล้วน้ำตาซึม
แต่คนดูส่วนใหญ่มักไม่ค่อยนึกถึงเขาในบทดีๆ เหล่านี้ จะจำได้แต่ภาพแอ็คชั่นสตาร์ ขาบู๊ บ้าดีเดือด แบบในหนัง Olympus Has Fallen หรือ London Has Fallen มากกว่า
มาถึง Hunter Killer หนังสงครามภารกิจสุดระห่ำของกัปตันเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ยูเอสเอสอาร์คันซอ ที่ฝ่าน่านน้ำที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ซึ่งไม่เคยมีเรือดำน้ำอเมริกันลำไหนผ่านเข้าไปได้ เพื่อเข้าไปช่วยประธานาธิบดีรัสเซียที่ถูกกลุ่มกบฏจับกุม และสร้างสถานการณ์
หากฝ่ายอเมริกันช่วยเหลือไม่สำเร็จ เรื่องราวอาจบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม
คนดูอาจคาดหวังที่จะได้เห็นแอ็คชั่นมันๆ จากเจอราร์ด ทั้งการต่อสู้ประชิดตัว ยิงต่อสู้กันสนั่นหวั่นไหว เหมือนหนังแอ็คชั่นโหดๆ ที่เขาเคยแสดง
ขอบอกเลยว่า สำหรับ Hunter Killer ถึงจะเป็นหนังสงครามบุกชิงตัวประกัน แต่เจอราร์ดหรือกัปตัน โจ กลาส ในเรื่อง ไม่ได้หยิบปีนขึ้นต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม หรือโชว์คิวบู๊ปะทะกำลังกับใครแม้แต่ซีนเดียว
กัปตัน โจ กลาส เป็นทหารชาตินักรบที่จิตใจหนักแน่น เข้มแข็ง สติปัญญาเฉียบ มีความรับผิดชอบสูง ไม่ว่าสถานการณ์จะบีบคั้นกดดันสาหัสขนาดไหน เขาก็มีสติในการรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้น เขาใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ และใช้คุณธรรมในการตัดสินคน
ส่วนตัวชอบเจอราร์ดในลุคนี้มาก เขาไม่ได้มีดีแค่เป็นแอ็คชั่นซุปเปอร์สตาร์ ที่เอะอะก็เอามันโดยโชว์คิวบู๊ บทบาทในเรื่องนี้เขาใช้สมองมากกว่าพละกำลัง เจอราร์ดฝึกหนักกับเหล่านาวิกโยธินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
รวมทั้งออกเดินทางโดยเรือดำน้ำเอสเอสฮิวจ์สตัน พร้อมกับผู้กำกับ โดโนแวน มาร์ช เพื่อศึกษาชีวิตทหารเรือที่ต้องเผชิญกับความกดดันมหาศาล จากการที่ต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดแบบเรือดำน้ำ
Hunter Killer สร้างจากหนังสือ Firing Point ของอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ จอร์จ วอลเลซ และเป็นหนังที่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรือสหรัฐอย่างเป็นทางการ ถึงขั้นส่งผู้เชี่ยวชาญกองทัพเรือมาเป็นที่ปรึกษาในการสร้าง
ทีมนักแสดงได้เข้าฝึกหลักสูตรจากกองทัพ เพื่อเรียนรู้การรับมือเมื่อเกิดภาวะวิกฤตในเรือดำน้ำ รวมทั้งอนุญาตให้ทีมงานเข้าไปเก็บภาพภายในเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของจริง เพื่อมาจำลองภาพและสร้างบรรยากาศภายในเรือดำน้ำยูเอสเอสอาร์คันซอ ที่ควบคุมโดยกัปตัน โจ กลาส ให้สมจริงที่สุด
ความสนุกลุ้นระทึกของหนังแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเรือดำน้ำของสหรัฐที่มีกัปตันโจ กลาส บัญชาการ จะฝ่าน่านน้ำศัตรู เข้าไปรับทีมหน่วยพิเศษสหรัฐภาคพื้นดิน ที่บุกไปช่วยประธานาธิบดีรัสเซียได้อย่างไร
ส่วนที่สอง หน่วยซีลที่มีกำลังเพียงแค่สี่คน มีหัวหน้าคือจ่าบิล บีแมน (โทบี สตีเฟนส์) จะบุกรังกลุ่มกบฏที่พรั่งพร้อมทั้งอาวุธและกำลังพล เพื่อช่วยประธานาธิบดีออกมาด้วยวิธีใด ใครจะอยู่ใครจะไป
ส่วนที่สาม การวางแผนสั่งการของหน่วยบัญชาการ ที่มีนายพลเจ้าอารมณ์อย่างประธานคณะกรรมาธิการทหาร (แสดงโดย แกรี่ โอลด์แมน เจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีล่าสุด) จะมีความเฉียบคมสอดรับกับสถานการณ์จริงมากน้อยเพียงใด
เท่านั้นยังไม่พอ หนังเพิ่มความตื่นเต้น ชวนลุ้น และลงท้ายด้วยความประทับใจ จากการเผชิญหน้ากันระหว่าง กัปตัน 2 คน จากชาติมหาอำนาจคนละขั้ว กัปตันโจ กลาส สหรัฐอเมริกา กับ กัปตันแอนโดรพอฟ รัสเซีย (ไมเคิล นีควิสต์ จากหนัง John Wick 2 ดาราผู้ล่วงลับด้วยมะเร็งปอดเมื่อปีที่แล้ว)
ทั้งสองเคยขับเคี่ยวกันมา แต่เพราะคุณธรรมทำให้โจ กลาส ช่วยชีวิตกัปตันเรือฝ่ายศัตรู ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเหล่าลูกเรือ
ช่วงสองชั่วโมงกว่าของหนัง ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อ สนุกและดีเกินคาด ไม่ใช่หนังชิงตัวประกันแบบเอามัน ประเคนฉากแอ็คชั่นถล่มทลาย แต่เป็นหนังสงครามที่ผู้นำต้องรู้จักคิด กล้าหาญ ตัดสินใจเด็ดขาด เป็นสมรภูมิการสู้รบที่มีทั้งใต้น้ำและบนบก
หนังสนุกน่าติดตาม มีความสมจริงในฉากหลายฉาก (โดยเฉพาะในเรือดำน้ำ) และมีฉากการปฏิบัติการที่ลุ้นระทึก สมดังคำโปรย “The story is fictional but the weapons and tactics are real.”
