| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
มิตรรักนักเพลงทุกคน คงไม่มีใครไม่รู้จักวง Queen วงร็อกจากเกาะอังกฤษ ด้วยการแต่งเพลงที่เหนือจินตนาการ ฉีกขนบเพลงร็อก สร้างสรรค์ความแปลกใหม่ มีกลิ่นไอเพลงหลากหลายสไตล์
เมื่อผนวกกับการร้อง การแต่งกายที่มีสีสัน และลีลาเอนเตอร์เทนที่พลิ้วพราย ชวนตื่นตาตื่นใจของเฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำและนักแต่งเพลงของวง
Queen จึงกลายเป็นวงดนตรีในตำนานที่แม้เฟรดดีจะจากไปหลายสิบปีแล้ว แต่ทั้งเฟรดดีและวง Queen ยังคงเป็นวงดนตรีในดวงใจของนักฟังเพลงรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่างยากที่จะลืมเลือน
เพลง We Will Rock You และเพลง We are the Champion เป็นเพลงคุ้นหูที่คนส่วนใหญ่รู้จัก แม้ไม่ใช่นักฟังเพลง เพราะได้ยินบ่อยครั้งในการแข่งขันกีฬา ใช้เป็นเพลงที่ทั้งปลุกใจและประกาศถึงชัยชนะ
เมื่อมีการสร้างหนังเกี่ยวกับวง Queen และเรื่องราวของเฟรดดี เมอร์คิวรี หนังนำเอาเพลง Bohemian Rhapsody เพลงเอกจากอัลบั้ม A Night at the Opera ที่มีความยาวเกือบ 6 นาที และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงมหากาพย์แห่ง Opera Rock เพราะผสมผสานแนวเพลงหลายแนว ตั้งแต่ A Cappella, Ballad, Guitar Solo, Opera และ Hard Rock มาตั้งเป็นชื่อเรื่อง
ทั้งๆ ที่ไม่มีใครตีความหมายที่แท้จริงของเพลงนี้ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟรดดีแต่งเพลงนี้เพื่อสื่อถึงอะไร
เพราะเฟรดดีบอกเพียงว่า “มันเป็นเพลงหนึ่งที่ให้ความรู้สึกแฟนตาซี ทุกคนน่าจะลองฟังมัน และตีความตามความคิดของตัวเองเลยว่า เพลงนี้พูดอะไรกับคุณ”
แต่เพลงนี้กลับถูกนำไปประกอบในหนังหลายเรื่อง ทั้งใช้เวอร์ชั่นต้นฉบับและคัฟเวอร์ เช่น Wayne’s World และ Suicide Squad เป็นผลให้ Bohemian Rhapsody ติดชาร์ตเพลงต่างๆ มากมายและหลายรอบ
ปี 2002 กินเนสบุ๊กจัดให้ประชาชนโหวตเพลงอังกฤษที่ชื่นชอบตลอดกาล ปรากฏว่า Bohemian Rhapsody ได้ผลโหวตเป็นอันดับหนึ่ง (นำหน้าเพลง Imagine และ Hey Jude ที่ได้ลำดับรองลงมา)
ในส่วนของหนัง Bohemian Rhapsody เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในยุค 1970 ก่อนกำเนิดวง Queen โดยโฟกัสไปที่หนุ่มชาวเปอร์เซีย ฟารุก บัลซารา (เฟรดดี เมอร์คิวรี แสดงโดยรามี มาเลก) ที่ได้เข้าร่วมร้องเพลงในวงดนตรีเล็กๆ ชื่อ Smile ของนักศึกษามหาวิทยาลัยสองคน ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์
ก่อนทั้งหมดจะก่อตั้งวง Queen โดยมีจอห์น ดีคอนเข้าร่วมด้วย
หนังพูดถึงเบื้องหลังของเพลงดังๆ นอกจาก Bohemian Rhapsody แล้ว ยังมีเพลง We Will Rock You หรือ Love of My Life ที่เฟรดดีแต่งให้แมรี ออสติน ผู้หญิงที่เขารัก ก่อนที่เขาจะแน่ใจว่าตัวเองเป็นเกย์
หนังเจาะลึกชีวิตเฟรดดี ศิลปินโด่งดัง ผู้กล้าสร้างสรรค์แนวเพลงใหม่ๆ และดำเนินชีวิตที่หลุดกรอบ ไปจนถึงการแสดงคอนเสิร์ต Live Aid 1988 (ช่วงเวลา 6 ปี ก่อนเฟรดดีเสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อนของโรคเอดส์)
บทหนังฝีมือของแอนโทนี่ แมคคาร์เทน มือเขียนบทหนังสายรางวัลจาก The Theory of Everything และ Darkest Hour ส่วนผู้กำกับคือ ไบรอัน ซิงเกอร์ (ผู้กำกับ X-Men และ Superman Return) แต่ต่อมาเกิดปัญหา ต้องเปลี่ยนผู้รับไม้ต่อในการกำกับเป็น เดกซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ (เคยเป็นนักแสดงในหนังดังหลายเรื่อง อาทิ Kick – Ass และ Lock, Stock and Two Smoking Barrels)
ส่วนผู้รับบทเฟรดดี เมอร์คิวรี มีการวางตัวไว้หลายคน แต่ท้ายสุดลงเอยที่ รามี มาเลก จากซีรีส์สุดฮิต Mr. Robot
มาเลกต้องฝึกหนักเพื่อปรับลักษณะท่าทาง การเคลื่อนไหว การหมุนตัว การสะบัดไมโครโฟน สีหน้าและแววตา ซึ่งเขาบอกว่า “บทนี้เป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง และเป็นบทที่ผมรู้สึกกระตือรือร้น ผมไม่อยากแสดงเลียนแบบเฟรดดี แต่อยากทำความเข้าใจเหตุผลในสิ่งที่เขาทำ”
กวิลิม ลี ผู้รับบทไบรอน เมย์ พูดถึงการแสดงของมาเลกว่า “รามีทุ่มเทหนัก ทุกครั้งที่ว่าง เขาฝึกขยับตัวแบบเฟรดดีตลอดเวลา จนเขาพบตัวตนที่แท้จริงของตัวละครนี้”
ในขณะที่ลูซี บอยน์ตัน ซึ่งรับบทแมรี่ ออสติน คนรักสาวของเฟรดดี กล่าวถีงมาเลกในบทเฟรดดีว่า “รามีหายวับไปกับตา ลักษณะท่าทางและการพูดเหมือนเฟรดดี มหัศจรรย์จนเหลือเชื่อเลย”
การแสดงอันน่าทึ่งของมาเลกที่เป๊ะทั้งสำเนียงและท่าทางบนเวที ทำให้การแสดงของวง Queen ที่ปรากฏในหนังทุกฉากเป็นซีนที่ทรงพลังจนคนดูไม่อยากละสายตา
โดยเฉพาะคอนเสิร์ตการกุศล Live Aid ฉากสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ อลังการ และน่าประทับใจ
