สองหนังฟอร์มดี ตัวเต็งรางวัลช่วงต้นปี

สองหนังฟอร์มดี ตัวเต็งรางวัลช่วงต้นปี

สองหนังฟอร์มดี ตัวเต็งรางวัลช่วงต้นปี

Green Book

ช่วงนี้มีหนังชิงรางวัลมาฉายให้ดูทุกอาทิตย์ แม้จะเป็นหนังดี แต่หลายเรื่องดูแล้วห่อเหี่ยวใจ เพราะเสนอประเด็นหนักเรื่องความไม่ยุติธรรมทางสังคมบ้าง ความขัดแย้งทางการเมืองบ้าง หรือไม่ก็เป็นหนังดราม่าที่ออกแนวเครียด จะมีแต่หนังเพลงนี่แหละ ที่ดูแล้วค่อยรู้สึกรื่นรมย์ไม่แบกปัญหากลับบ้านไปด้วย

แต่ Green Book เป็นหนังชิงรางวัลที่ฟีลกู๊ด นำเสนออย่างดงามอบอุ่น มุขตลกและบทสนทนาโดนใจจนต้องอมยิ้มและตกหลุมรัก จริงๆ เนื้อหาหนังค่อนข้างหนัก สะท้อนการเหยียดผิวที่บางซีนดูแล้วสะเทือนใจ แต่ภาพรวมของหนังน่ารัก มีเสน่ห์ ดูเพลิดเพลินจนเวลาสองชั่วโมงของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็ว

Green Book ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงช่วงปี 1962 ของชายสองคน ที่ต่างกันสุดขั้ว ทั้งเผ่าพันธุ์ พื้นฐานการศึกษา นิสัยใจคอ และสภาพความเป็นอยู่

Advertisement

ดร.ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี นักแสดงผู้นับถือศาสนาอิสลามคนแรก ที่ได้รางวัลออสการ์สาขาสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Moonlight) เป็นนักเปียโนผิวสีการศึกษาสูงขนาดพูดได้ถึง 8 ภาษา ฝีมือระดับได้รับเชิญจากประธานาธิบดีให้เข้าไปแสดงเปียโนที่ทำเนียบขาว มีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราโดยพักอยู่ชั้นบนของคาร์เนกีฮอล์

เขาต้องออกเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่มีประวัติการค้าทาสและเหยียดผิวรุนแรง แม้สงครามกลางเมืองจะยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ แต่ในความเป็นจริง คนผิวสียังคงถูกกดขี่ กีดกัน และเลือกปฏิบัติ

โรงแรม ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมันบางแห่ง ไม่อนุญาตให้คนผิวสีเข้าไปใช้บริการ ทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนหลังพระอาทิตย์ตก

Advertisement

ดร.เชอร์ลีย์ต้องหาคนขับรถที่จะเป็นได้ทั้งบอร์ดี้การ์ดและช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น

โทนี วัลเลลองก้า หรือโทนี่ ลิป (วิกโก้ มอร์เทนเซ่น ผู้เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สองครั้งจากเรื่อง Eastern Promise และ Captain Fantastic) นักเลงคุมบาร์เชื้อสายอิตาเลียน ที่ไร้การศึกษาและมารยาททราม แถมรังเกียจคนผิวสีขนาดเห็นคนงานผิวดำดื่มน้ำจากแก้วที่อยู่ในบ้าน ก็แอบเอาแก้วไปทิ้ง จำใจต้องรับงานนี้เพราะตกงาน

ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน

เพิ่มเพื่อน

การเดินทางของทั้งสองคนกินเวลานานถึงสองเดือน และใช้กรีนบุ๊ก (ชื่อเต็มของหนังสือคือ The Negro Motorist Green Book ไกด์บุ๊กการเดินทางของคนผิวสี) เป็นคู่มือที่จะดูว่าสถานที่แห่งไหนในภาคใต้ที่คนผิวสีจะเข้าพักหรือใช้บริการได้ ซึ่งหลายแห่งต่างกันลิบลับกับความเป็นอยู่ของ ดร.เชอร์ลีย์ ที่นิวยอร์ก

จากอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันร่วมกัน ทำให้คนสองขั้วต้องหาจุดยืนตรงกลาง และพัฒนาไปสู่โรดทริปแห่งมิตรภาพต่างเผ่าพันธุ์ที่สุดแสนประทับใจ ระหว่างผู้ดีผิวดำที่ไม่มีใครยอมรับ ทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันที่มองว่าเขาแปลกแยก หรือไฮโซผิวขาวที่รังเกียจสีผิวของเขา กับนักเลงล่ำบึ้กขาใหญ่ที่หยาบกระด้าง แต่รักเสียงเพลงและแอบมีมุมอ่อนโยนซ่อนอยู่ภายใน

นักแสดงทั้งสองประชันบทบาทแบบเคมีเข้ากันมากๆ ดร.เชอร์ลีย์ โดดเด่นด้วยมาดผู้ดีแต่ดันผิวดำ ขณะที่โทนี่ผิวขาวแต่เอะอะมะเทิ่ง ไร้ระเบียบ และชอบใช้ความรุนแรงแบบคนชั้นต่ำ

เป็นกริยาที่ดร.เชอร์ลีย์บอกโทนี่ว่า “คุณเอาชนะด้วยความรุนแรงไม่ได้หรอก คุณจะชนะก็ต่อเมื่อรักษาเกียรติตัวเองไว้ได้” บทสนทนาที่รับส่งกัน คม ขันและหน้าตายจนคนดูต้องอมยิ้ม

แม้หนังจะบอกว่า “มันต้องใช้ความกล้าหาญเพื่อเปลี่ยนใจคน” แต่ความกล้าหาญของ ดร.เชอร์ลีย์ ที่กล้าเดินทางไปในดินแดนที่การเหยียดผิวยังฝังรากลึกในวัฒนธรรม ก็ไม่ได้ทำให้หนังจบลงแบบโลกสวย เมื่ออยู่หน้าเปียโน เขาได้คำชื่นชมยกย่องและเสียงปรบมือกึกก้อง

แต่พอช่วงพักการแสดง เขากลับถูกไล่ให้ไปใช้ห้องส้วมสุดโทรมของคนผิวสีนอกบ้าน ดร.เชอร์ลีย์ รักษาเกียรติของตัวเองด้วยการขอกลับไปใช้ห้องน้ำที่ที่พัก คำตอบกลับมาน่าเจ็บปวด “เรายินดีรอ” แม้จะเป็นอัจฉริยะทางดนตรีสักแค่ไหน คนผิวสีอย่างเขา ก็ไม่มีทางได้รับการยกเว้นให้ใช้ห้องน้ำร่วมกับคนผิวขาว

ผู้กำกับหนัง ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ ที่สร้างหนังตลกแบบ Dumb and Dumber แบะ Shallow Hall นำเสนอเรื่องราวการเหยียดผิวที่แม้ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่นำอารมณ์ขันแบบน่าเอ็นดูมากลบดราม่าและประเด็นหนักของหนังได้อย่างชื่นชม

Green Book เป็นหนังชิงรางวัลที่อบอุ่น ละมุนละไม เข้าใจง่าย คนดูออกจากโรงหนังพร้อมด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกดีๆ ซาบซึ้งกับมิตรภาพที่เริ่มต้นแบบขรุขระ แต่ลงเอยด้วยการเคารพและให้เกียรติกันและกัน

Spider-Man: Into the Spider-Verse

Spider-Man: Into the Spider-Verse เป็นหนังแอนิเมชั่นช่วงปลายปีที่มาแรงมาก เสียงวิจารณ์เชิงบวกจากสื่อเมืองนอกท่วมท้น

“ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ผสมผสานการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม เข้ากับเทคนิคภาพเคลื่อนไหวที่ดีหมดจด เพื่อสร้างการผจญภัยที่สนุกสนานด้วยหัวใจ อารมณ์ขันและเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่”

ด้วยฝีมือผู้กำกับชั้นแนวหน้าของวงการแอนิเมชั่นถึงสามคน บ๊อบ เพอซิเช็ตติ ปีเตอร์ แรมซีย์ และ ร็อดนีย์ รอธแมน ซึ่งวางแนวไว้ว่าจะผลักดันทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ไปให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้แก่ผู้ชม ส่งผลให้หนังเข้าตาคณะกรรมการลูกโลกทองคำ จนสามารถคว้ารางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ไปได้อย่างลอยลำ

สไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นนี้ฉีกแนวไปจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ตัวเอกของเรื่องไม่ใช่ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แต่เป็น ไมล์ส โมราเลส วัยรุ่นอายุ 13 ปี ผิวสีที่อยู่กับครอบครัว ซึ่งพ่อเป็นตำรวจที่ไม่ชอบสไปเดอร์แมนเพราะ “สไปเดอร์แมนกระโดดไปกระโดดมา ไม่อยู่ใต้คำสั่งใคร ซ่อนหน้าอยู่ภายใต้หน้ากาก ในขณะที่ตำรวจต้องต่อสู้โดยทุกคนเห็นหน้า”

ไอดอลของไมล์สคือลุงแอรอน (ให้เสียงโดยมาเฮอร์ชาลา อาลี ลูกโลกสมทบชายยอดเยี่ยมปีนี้จาก Green Book ) ลุงที่ไมล์สรู้สึกใกล้ชิด และชอบไปขลุกอยู่ด้วยโดยไม่ทราบชีวิตเบื้องหลัง

หลังถูกแมงมุมอาบรังสีกัด ไมล์สกลายเป็นสไปดี้มือใหม่ที่ยังควบคุมพลังไม่ได้ เมื่อได้ไปพบกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในร่างสไปเดอร์แมน ไมล์สรับปากจะสานงานยับยั้งแผนร้ายของคิงพิน ที่พยายามจะเปิดประตูมิติที่จะทำให้เกิดหายนะแก่คนในโลก

ปีเตอร์ แรมซีย์ หนึ่งในผู้กำกับให้เหตุผลการสร้างสไปเดอร์แมนเป็นเด็กผิวสีว่า “การขาดแคลนฮีโร่และตัวละครเอกที่ไม่ใช่คนผิวขาว เป็นเหมือนกำแพงทางจิตใจที่สัมผัสได้สำหรับคนผิวสี การแนะนำไมล์ส โมราเลส ในฐานะสไปเดอร์แมน จะเป็นตัวจุดประกายความเปลี่ยนแปลง และเป็นเทรนด์ในการจินตนาการและนำเสนอตัวละครที่ไม่ใช่ผิวขาวและไม่ใช่ผู้ชาย ที่เราตั้งใจจะบอกเล่า”

หนังแหวกแนว และสนุก ได้เห็นการรวมตัวของสไปเดอร์แมนในรูปลักษณ์ต่างๆ ปีเตอร์ บี.ปาร์คเกอร์ เป็นสไปเดอร์แมนวัย 40 ที่เริ่มแก่ตัว เหนื่อยล้าจนปล่อยตัวให้เริ่มลงพุง แถมชีวิตแต่งงานยังล้มเหลว การพบไมล์สและเป็นครูฝึกไมล์สให้ใช้และคุมพลังได้ ทำให้เขาค้นพบความสุขในชีวิตที่หายไป มุขรับส่งของไมล์สและครูฝึกจำเป็นคนนี้ทั้งสนุก ขบขันและให้ข้อคิด

สไปเดอร์แมนอื่นๆ ก็มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ สไปเดอร์นัวร์ (นิโคลาส เคจ ให้เสียง) มาจากโลกคู่ขนานแนวจริงจัง ทุกอย่างที่เขาเห็นเป็นสีดำขาว เมื่อมาอยู่ในโลกของไมล์สเขาจึงต้องปรับตัว และรู้สึกทึ่งมากกับรูบิคสีที่เขาขอเอากลับบ้านด้วย

นอกจากนี้ยังมีสไปเดอร์เกวน (ไฮลี สไตน์เฟลด์ จากหนัง Bumblebee เป็นผู้พากย์เสียง) สาวไฮสกูลสุดซ่าส์วัย 15 เพนนิ ปาร์คเกอร์ สไปเดอร์แมนจากจักรวาลอนาคตที่เป็นแอนิเมะ เธอมีหุ่นยนต์ในชุดสไปเดอร์แมนที่จะฟังคำสั่งจากเธอเท่านั้น

และสไปเดอร์แฮม ตัวการ์ตูนตลกเกี่ยวกับแมงมุมหนุ่มที่โดนหมูอาบรังสีกัด ที่มารวมตัวกันเพื่อปฏิบัติภารกิจในการปกป้องโลก

หนังสีสันสดใสจัดจ้าน งานภาพและเอฟเฟคสวย ความรู้สึกขณะดูหนังเหมือนอ่านหนังสือการ์ตูนที่ภาพเคลื่อนไหวได้ ดนตรีประกอบลงตัวช่วยทำให้หนังน่าสนใจยิ่งขึ้น

หนังมีมุขตลกออกแนวเกรียนๆ น่ารัก ตลอดแทบทั้งเรื่อง แอคชั่นตระการตา การสร้างเป็นแอนิเมชั่นทำให้ไม่มีขีดจำกัดในการสร้างฉากที่เหนือมนุษย์แสดง

เป็นสไปเดอร์แมนที่สร้างสรรค์ ตื่นตาตื่นใจ และน่าเสียดายมากหากพลาดไม่ไปดู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image