โลกดิสโทเปียจากสายตายุค 70s และเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดีย

โลกดิสโทเปียจากสายตายุค 70s และเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดีย

โลกดิสโทเปียจากสายตายุค 70s และเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดีย

High-Rise

high-rise-kaleidoscope-poster

หนังเรื่องนี้สร้างมาจากนิยายของ เจ.จี.บัลลาร์ด นักเขียนชาวอังกฤษหัวก้าวหน้าที่มีชื่อเสียงมากในแวดวงวรรณกรรมโพสต์โมเดิร์น เอกลักษณ์ด้านวรรณศิลป์ของเขาทำให้เกิดคำคุณศัพท์ว่า “แบบบัลลาร์ด” ซึ่งพจนานุกรมภาษาอังกฤษคอลลินส์ให้นิยามว่า “คล้ายคลึงหรือมีลักษณะตามสภาพที่บรรยายไว้ในนิยาย หรือเรื่องราวของเจ.จี. บัลลาร์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสมัยใหม่แบบดิสโทเปีย ภูมิประเทศ ฝีมือมนุษย์ที่มืดหม่น และผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคมหรือเทคโนโลยี่”

High-Rise กำกับโดย เบน วีทลีย์ นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นในยุค 70s โดยมีฉากเป็นอนาคตข้างหน้า ซึ่งหมายถึงยุคปัจจุบัน นำเสนอโลกบนตึกระฟ้าใจกลางกรุงลอนดอน ที่คนหลากหลายระดับอาศัยอยู่ ตึกออกแบบโดยแอนโธนี รอยัล (เจเรมี ไอร์ออน) ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ซุปเปอร์มาร์เกต ห้องยิม โรงเรียนสำหรับเด็ก โดยที่ผู้อาศัยแทบไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก

แต่ภายใต้ความหรูหรานี้ มีความขัดแย้งรุนแรงที่รอวันปะทุ ระหว่างผู้อาศัยซึ่งแบ่งเป็นระดับต่างๆ คนรวยหรือคนชนชั้นสูงแบบรอยัล อยู่ชั้นบนสุด หมอหนุ่ม โรเบิร์ต แลงก์ (ทอม ฮิดเดิลสตัน) ชนชั้นกลางอยู่ชั้น 25 นักสร้างหนังสารคดีโนเนม ริชาร์ด ไวลเดอร์ (ลุค อีแวน) อยู่ชั้น 2

Advertisement

กรณีพิพาทเกิดจากการที่ผู้อาศัยชั้นล่างๆ รู้สึกว่าตนถูกผู้อยู่ชั้นบนเอาเปรียบ ออกกฎหรือระเบียบที่เอื้อพวกพ้อง ทั้งๆ ที่เสียภาษีส่วนกลางเหมือนกัน ไฟฟ้าและสาธารณูปโภคชั้นล่างมีปัญหาบ่อย ขณะที่สระน้ำส่วนรวมมักถูกผู้อยู่ชั้นบนใช้อภิสิทธิ์ปิดเพื่อจัดปาร์ตี้ แลงก์ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ที่มีไวลเดอร์เป็นผู้ปลุกระดม การต่อต้านบานปลายเป็นความบ้าคลั่งรุนแรงไร้ขื่อแป และวิปริตเกินกว่าจะควบคุมได้

หนังเรื่องนี้เป็นจินตนาการของคนยุค 70s ประเด็นของเรื่องไม่ถึงกับใหม่แต่ก็ไม่ล้าสมัย เสียดสีโลกทุนนิยมและสะท้อนความโสมมของสังคมที่มีการแบ่งชนชั้น ทั้งยังเผยสัญชาตญาณดิบในจิตใจคน ไม่ว่าจะเป็นระดับใดก็ตาม

ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยอุปมาอุปมัยและสัญลักษณ์ให้ตีความ แค่ฉากที่เหมือนชิลๆ แลงก์นอนเปลือยกายอาบแดด มีหนังสือที่ปกเขียนว่า Welcome ปิดไว้ที่จุดสำคัญ ก็เหมือนจะบ่งบอกอะไรบางอย่าง เด็กชายคนหนึ่งชอบส่องกล้องสลับสี เมื่อถามว่าเห็นอะไร เด็กตอบว่า “อนาคต” การจัดปาร์ตี้ระหว่างชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำที่ดูประหลาด ฝ่ายหนึ่งเว่อร์ อีกฝ่ายหนึ่งเละเทะและมั่ว เหล่านี้ล้วนมีนัยยะทั้งสิ้น

Advertisement

ฉากต่อสู้ดิบและเถื่อน แม้ไม่เลือดสาดแต่แสดงความบ้าคลั่งในจิตใจคน ฉากมั่วเซ็กส์มีทั้งชนิดเห็นจะๆ และต้องใช้จินตนาการ สมสู่กันอย่างอิสระไม่เลือกผัวเลือกเมีย High-Rise จึงไม่ใช่หนังที่ดูเพื่อความบันเทิงหรือหนังสำหรับทุกคน เพราะทั้งซับซ้อนและต้องตีความ

ที่น่าสนใจคือ หนังมีความเป็นยุคอนาคต ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ แต่งานออกแบบการสร้างและกำกับศิลป์ การแต่งกาย เครื่องประดับและ รถยนต์ กลับสมเป็นยุคปี 1970 ทอม ฮิดเดิลสตัน แสดงได้ดีทั้งในมาดหมอหนุ่มที่สุขุม วิปลาสและบ้าคลั่ง (นาทีหนึ่งลูบหัวหมาอย่างเอ็นดู อีกนาทีหนึ่งจับหมามาย่างกินหน้าตาเฉย) ไม่มีคราบ โลกิจากหนังเรื่อง Thor

ในชุดสูทเข้ารูป ทอมดู “เป๊ะ” มาก บางทีบท 007 ที่มีข่าวว่าทอมจะได้แสดงแทน แดเนียล เคร็ก อาจจะไม่ไกลเกินฝัน เมื่อดูจากหุ่นและการแสดงของทอมในเรื่องนี้

The Man Who Know Infinity

The-Man-Who-Knew-Infinity

ถ้าพูดถึงอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ของโลก คนทั่วไปจะนึกไปถึง เซอร์ไอแซก นิวตัน เจ้าทฤษฎีแรงโน้มถ่วง อาร์คิมิดีส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก แต่คงมีส่วนน้อยที่จะรู้จัก ศรีนิวาสะ รามานุจัน อัจฉริยะคณิตศาสตร์ชาวอินเดียผู้แสนจะอาภัพ ซึ่งมีชีวิตอยู่ช่วงค.ศ. 1887-1920

The Man Who Knew Infinity เป็นหนังอัตชีวประวัติของรามานุจัน เด็กหนุ่มจากอินเดียที่ลมหายใจมีแต่ตัวเลข หนังสร้างจากหนังสือขายดีอันดับหนึ่งของ โรเบิร์ต คานิเกล เล่าถึงชีวิตของรามานุจัน (เดฟ พาเทล) ผู้เขียนทฤษฎีคณิตศาสตร์มากมายที่ไม่มีใครยอมรับ ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่จบการศึกษาใดๆ เลย และไม่มีคนเข้าใจสิ่งที่เขาเขียน

รามานุจันส่งจดหมายแนบสูตรคณิตศาสตร์ ไปที่นักคณิตศาสตร์หลายคนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มีเพียงศาสตรจารย์ จี.เอช. ฮาร์ดี (เจเรมี ไอร์ออน) คนเดียวที่เห็นแววบางอย่าง จึงชวนเขามาร่วมงานที่ประเทศอังกฤษ ที่นี่เขาต้องเผชิญกับการต่อต้านและดูถูกเหยียดหยาม วิถีชีวิตที่แตกต่างกันและความกดดันที่ได้รับ ทำให้เขาเจ็บหนักและหดหู่จนคิดฆ่าตัวตาย ฮาร์ดี้เป็นคนเดียวที่ให้กำลังใจและผลักดันจนรามานุจันได้เป็นสมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอน

แต่เพราะสุขภาพที่ทรุดโทรมอย่างหนัก ทำให้เขาต้องเดินทางกลับอินเดียเพื่อไปอยู่กับครอบครัว และเสียชีวิตเมื่ออายุเพียงแค่ 32 ปี ทิ้งสูตรคณิตศาสตร์มหัศจรรย์ไว้กว่า 3,000 สูตร บางสูตรพิสูจน์ได้แล้ว บางสูตรยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ผลงานของเขาก่อให้เกิดการวิจัยต่อยอดหลายแขนง

หนังอัจฉริยะโลกไม่รัก เป็นหนังน่าสนใจ สร้างแรงบันดาลใจและมีข้อคิดหลายประการ รามานุจันเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เรียนไม่จบแต่เชื่อมั่นในความรู้ของตนที่เขาเชื่อว่าได้รับพรจากพระเจ้า เมื่อคนที่ประเทศอินเดียไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเสนอ เขาก็ส่งผลงานไปอังกฤษ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปดินแดนที่แตกต่างกันทั้งสภาพดินฟ้าอากาศและขนบธรรมเนียมประเพณี

การศึกษาด้วยตัวเอง ทำให้การใช้สัญลักษณ์ของรามานุจันไม่เป็นไปตามหลักการ และสิ่งที่คิดก็สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจ เขาจึงต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อให้ได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ อังกฤษช่วงนั้นกำลังเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อาหารเริ่มขาดแคลน รามานุจันเป็นมังสวิรัติที่เคร่งครัดไม่กินเนื้อสัตว์ ความอดอยาก ความกดดัน และสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจ

แต่อัจฉริยะก็ยังคงความเป็นอัจฉริยะ ในตอนที่เจ็บหนักและฮาร์ดี้นั่งรถแท็กซี่เลขทะเบียน 1729 ไปเยี่ยม ทันทีที่เห็นเลข 1729 รามานุจันบอกว่า “ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่พิเศษมาก มันเป็นเลขที่น้อยที่สุด ที่สามารถเขียนได้ในรูปผลบวกของตัวเลขกำลังสามสองตัวได้สองแบบ” คนตกคณิตศาสตร์อย่างเราไม่เข้าใจ แต่สะท้อนให้เห็นชีวิตชายคนหนึ่งที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ทำในสิ่งที่เขารัก และอุทิศตนเพื่อ Life Purpose ของตนเอง

เดฟ พาเทล ในบท รามานุจัน ดูดีมีภูมิ สมบทอัจฉริยะคณิตศาสตร์ พัฒนาไปไกลกว่าสมัยแสดงเรื่อง Slumdog Millionaire และ Chappie ส่วนเจเรมี ไอร์ออน ก็แสดงได้อย่างสมศักดิ์ศรีนักแสดงรางวัลออสการ์ เราได้เห็นความใจกว้าง ความมีเมตตา และความเป็นเพื่อนระหว่างคนสองคนที่ต่างเผ่าต่างเชื้อชาติ แต่มีจุดหมายเดียวกันคือมีความรักและความสนใจในคณิตศาสตร์

อัจฉริยะที่โลกไม่รัก กำกับโดย แมท บราวน์ ผู้ชมจะได้เห็นภาพโลกตะวันออก ตะวันตกที่แตกต่างกันลิบลับ ได้เห็นวัฒนธรรมอินเดียที่ผู้กำกับสอดแทรกมาให้ชมอย่างน่าสนใจ

ดูแล้วนึกถึงอัจฉริยะคนอื่นๆของโลกที่ฝากผลงานทรงคุณค่าแต่มีชีวิตที่อาภัพและน่าสงสารเช่นกันอย่าง แวนโก๊ะ และเบโธเฟน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image