Us กับ Dumbo หนังสองเรื่องที่แฝงประเด็นความแตกต่างในสังคม

Us กับ Dumbo หนังสองเรื่องที่แฝงประเด็นความแตกต่างในสังคม

Us

ปีที่แล้วหนัง Get Out ซึ่งกำกับโดย จอร์แดน พีล ดาราตลกผิวสีที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญ สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา แม้จะเป็นหนังเรื่องแรกที่ พีลกำกับด้วยทุนสร้างไม่ถึงห้าล้านเหรียญสหรัฐ แต่หนังประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้และเสียงวิจารณ์ชมเชยที่ท่วมท้น

แถมคว้ารางวัลออสการ์บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม จนทำให้จอร์แดน พีล กลายเป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญรุ่นใหม่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง

มาถึงหนังเรื่องใหม่ของพีล Us เปิดตัวในสัปดาห์แรก ด้วยรายได้ที่สูงถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นหนังสยองขวัญ ขึ้นแท่นอันดับสามที่เปิดตัวสูงสุดของสหรัฐอเมริกา (รองจาก It และ Halloween)

Advertisement

ใครชอบ Get Out เรื่องนี้ก็ไม่น่าพลาด และถ้าจะไปดูก็เหมือน Get Out คือ อย่าให้ใครสปอยล์ก่อนอย่างเด็ดขาด จะได้ดูหนังได้อย่างสนุก และตื่นเต้นกับการหักมุมตอนจบเรื่อง ที่เดาถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง

แต่ส่วนตัวขอพูดตรงๆ ว่า Get Out สนุกกว่า ประเด็นต่างๆ ในเรื่องคมและชัดเจนกว่า Us ซึ่งตอนท้ายแม้จะมีการเฉลยปมต่างๆ แต่มีความไม่ชัดเจนและไม่สมเหตุสมผลในหลายประเด็น

Advertisement

หนังดูสนุก ลุ้นระทึก และสยอง แต่ต้องใช้สมาธิในการดูพอควร เพื่อเก็บรายละเอียดทั้งภาพ การกระทำของตัวละคร และบทสนทนา เพื่อทำความเข้าใจบทสรุปในตอนท้ายเรื่อง

Us มีพล็อตเรื่องที่แหวกแนวและเล่นประเด็นใหญ่ มีกลิ่นอายของหนังสยองขวัญหลายเรื่องผสมผสานกัน การมีตัวละครแปลกๆ ลุกขึ้นมาไล่ล่าคนในครอบครัวนางเอก ทำให้นึกถึงหนัง You‘re Next ที่ค่ำคืนหนึ่งมีกลุ่มคนใส่หน้ากากหมาป่าขึ้นมาไล่ฆ่าคนในครอบครัวของตัวเอก และคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้คือผู้หญิงที่เป็นนางเอกของเรื่อง

คล้าย The Purge ตรงที่ทั้งเรื่องมีการไล่ล่าฆ่าคนอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่อำนาจรัฐไม่สามารถปกป้องผู้คนที่บริสุทธิ์ได้ และเหมือน The Cabin in the Wood ที่แท้จริงแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทดลองอะไรบางอย่างของรัฐ

Us ยังคงใช้คนผิวสีเป็นตัวละครหลัก ครอบครัวของอเดเลด วิลสัน (ลูพีตา ญองโง นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากหนัง 12 Years a Slave) ซึ่งมีกันสี่คน พ่อ แม่ และลูกสองคน เดินทางไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่ชายทะเลซานตาครูซ ค่ำคืนแรกครอบครัววิลสันถูกบุคคลสี่คนในชุดแดง ที่หน้าตาเหมือนพวกเขา บุกเข้ามาในบ้าน

เรดที่หน้าตาเหมือนอเดเลตเป็นคนเดียวที่พูดได้ ขณะที่คนอื่นพูดไม่ได้ และมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ กึ่งคนกึ่งสัตว์ ทั้งยังชอบทำท่าเลียนแบบคนที่หน้าตาเหมือนตัวเอง อเดเลดต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องครอบครัว และค้นพบว่าไม่ใช่เฉพาะครอบครัวเธอเท่านั้นที่มีคู่แฝด แต่ทุกคนในเมืองแห่งนี้ล้วนมีคู่แฝด และกำลังถูกคู่แฝดของตนในชุดแดงไล่ฆ่า

นักแสดงหลักทั้งสี่คนแสดงดี แต่ละคนต้องแสดงสองบทบาท คือเป็นทั้งตัวเองและเป็นคู่แฝด ที่สีหน้าท่าทางต่างกันชัดเจน บรรยากาศของหนังทั้งกดดัน คลุมเครือ และไม่น่าไว้วางใจ

ฉากเปิดเรื่องเป็นสวนสนุกริมทะเล ที่น่าจะให้อารมณ์ที่สนุกสนานรื่นเริง แต่ผู้กำกับกลับใช้แสงสีและมุมกล้องสร้างอารมณ์ให้คนดูรู้สึกว่า ตัวละครกำลังถูกคุกคาม และกำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น

บรรยากาศของหนังทั้งเรื่องออกมาแนวนี้ คือ กระตุ้นคนดูให้รู้สึกอึดอัด ตื่นเต้น ระทึก และลุ้นเอาใจช่วย ซาวด์ประกอบฟังแล้วรู้สึกขนลุก หลอนติดหู เข้า ฝีมือไมเคิล อาเบลส์ ที่เคยทำดนตรีประกอบเรื่อง Get Out

Us เป็นหนังเสียดสีสังคมโดยเฉพาะประเด็นเรื่องชนชั้น ร่างแฝดที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในอุโมงค์ เปรียบเสมือนพวกด้อยโอกาส ไม่มีปากมีเสียง ถูกกดขี่ข่มเหง แต่ความอยุติธรรมที่ได้รับ ทำให้วันหนึ่ง คนเหล่านี้รวมตัวกันต่อต้านเรียกหาความเสมอภาคและเท่าเทียม

Dumbo

 

ความสำเร็จจากหนังไลฟ์แอคชั่น หลายเรื่องที่ผ่านมา ตั้งแต่ Cinderella, Maleficent, Jungle Book, และ Beauty and the Beast ทำให้ดิสนีย์มีโครงการที่จะสร้างหนังไลฟ์แอคชั่น จากแอนิเมชั่นที่เคยสร้างชื่อเสียงในอดีตหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องราวของช้างน้อยที่เกิดมาพร้อมกับใบหูที่ใหญ่ผิดธรรมชาติ ดัมโบ้

Dumbo สร้างเป็นแอนิเมชั่นครั้งแรกในปี 1941 จากนิทานของ เฮเลน อาเบอร์สัน หนังได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเพลงเอกของเรื่อง Baby Mine ได้รับการเสนอชื่อชิงเพลงประกอบยอดเยี่ยม ซึ่งแม้ไม่ได้รางวัล แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงกล่อมเด็กที่โด่งดังมากในช่วงนั้น

ผู้กำกับ Dumbo 2019 คือ ทิม เบอร์ตัน เจ้าของผลงานคัลท์สุดคลาสสิก ที่นักดูหนังทุกคนต้องรู้จัก Edward Scissorhands ที่แสดงโดย จอห์นนี่ เดปป์ แม้ทิมจะกำกับแอนิเมชั่นหลายเรื่อง เช่น Corpse Bride, The Nightmare Before Christmas และหนังที่คล้ายจะเป็นหนังเด็กแบบ Charlie and the Chocolate Factory และ Alice in Wonderland

แต่หนังของเขามักออกแนวดาร์ก มืดหม่น และแฝงความเป็นแฟนตาซี

Dumbo เวอร์ชั่นนี้ถูกแต่งเติมเรื่องราวให้ขยายออกไปและเข้มข้นขึ้น (ตอนเป็นแอนิเมชั่นความยาวประมาณหกสิบกว่านาที) นำเสนอจินตนาการที่ยังคงมีความเศร้า เป็นดาร์กแฟนตาซีตามสไตล์ผู้กำกับ แต่คาแรกเตอร์ที่แสนจะน่ารักของ Dumbo ทำให้หนังมีชีวิตชีวา ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ

ฉากเกี่ยวกับดัมโบ้ที่น่าจะติดตาและคนดูแอบลุ้นที่สุดคือ ฉากการแสดงครั้งแรกของดัมโบ้ที่ถูกนำไปโชว์เยี่ยงตัวตลก แต่เกิดเหตุพลิกผันที่ทำให้ดัมโบ้ต้องแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา

เรื่องราวของดัมโบ้ เกิดขึ้นในคณะละครสัตว์ที่ตระเวนไปแสดงตามเมืองต่างๆ จัมโบ้ แม่ช้างให้กำเนิดลูกที่ดูพิกลพิการ แม็กซ์ เมดิซี (แดนนี เดอวีโต้) เจ้าของคณะละครสัตว์ขายแม่ดัมโบ้ไป แต่เก็บมันไว้ เพราะดัมโบ้ดูเป็นช้างตลกที่พอจะเรียกคนดูได้

และให้โฮลท์ (โคลิน ฟาร์เรลล์) อดีตดาราคาวบอยละครสัตว์ ที่กลับจากสงครามด้วยสภาพแขนข้างเดียว และลูกชายหญิง (มิลลีและโจ) ทำหน้าที่เลี้ยงดัมโบ้

มิลลี โจ และดัมโบ้ ตกที่นั่งเดียวกัน เด็กน้อยทั้งสองขาดแม่เพราะแม่ตาย ขณะที่ดัมโบ้แม่ถูกพรากไป ทั้งคนและสัตว์ผูกพันกัน มิลลีและโจค้นพบความพิเศษของดัมโบ้และฝึกมันให้กลายเป็นดาราดัง จนเข้าตา วี.เอ. แวนเดเวอร์ (ไมเคิล คีตัน) เจ้าของสวนสนุกสุดอลังการ ดรีมแลนด์ ที่หน้าฉากสวยงาม แต่เบื้องหลังชั่วร้าย

หนังเรื่องนี้ ชุมนุมดาราระดับรางวัลจากเวทีต่างๆ หลายเวที เริ่มจาก โคลิน ฟาร์เรลล์ (รางวัลลูกโลกทองคำ จาก In Bruges) ในบทโฮลท์ ที่แม้จะมีมือข้างเดียว แต่ก็ดูเท่

อีวา กรีน (รางวัลบาฟต้า) ในบทโคเลตต์ นักกายกรรมผาดโผนที่ต้องเล่นกายกรรมคู่กับดัมโบ้ ทั้งสวยทั้งทรงเสน่ห์

แดนนี เดอวีโต้ (รางวัลเอ็มมี่และลูกโลกทองคำ และเคยฝากฝีมือใน Batman Return, Big Fish) เจ้าของคณะละครสัตว์ที่เหมือนจะหน้าเงิน แต่ลึกๆ มีจิตใจที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น และท้ายสุด ไมเคิล คีตัน (รางวัลลูกโลกทองคำ Birdman) ที่ดูเป็นผู้ร้ายจนคนดูพากันสมน้ำหน้า

แม้ Dumbo จะเป็นหนังค่อนข้างเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็ดูได้สนุก และซาบซึ้งกับความหมายของคำว่าครอบครัว ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ของพ่อลูก และครอบครัวในเชิงของการทำงานร่วมกัน

มีประเด็นเรื่อง ทุนนิยม และความแตกต่างในเรื่องชนชั้นที่ตัวละครในคณะละครสัตว์มาจากหลากหลายเชื้อชาติ และเป็นคนระดับล่างของสังคม และความแตกต่างในเรื่องรูปลักษณ์ที่บางครั้งอาจไม่ใช่ความบกพร่อง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความพิเศษต่างจากคนอื่นออกไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image