ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“ตายแล้วเกิด” หรือ “ตายแล้วสูญ” เป็นข้อเคลือบแคลงสงสัยตลอดกาลของมนุษย์ ตั้งแต่ก่อนพุทธกาล สืบจนปัจจุบัน และยังจะมีต่อไปในอนาคต
“ไม่เกิด ไม่ตาย” ติช นัท ฮันห์ สนทนาอธิบาย แล้วเพิ่มเติมว่า
“ธรรมชาติในตัวเรา เป็นธรรมชาติแห่งการไม่เกิด ไม่ตาย เป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับพระมารดาแห่งผืนโลก”
“การตายก็คือการกลับไปสู่ผืนโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะให้พระมารดาแห่งผืนโลกโอบรับ และส่งกลับมาปรากฏขึ้นใหม่ในลักษณะที่สดใสมากยิ่งขึ้น เปรียบได้กับคลื่นในมหาสมุทร”
ตายแล้วเกิด หรือ ตายแล้วสูญ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร? คนส่วนมากฟัง แต่ไม่ได้ยิน จึงมีคำถามตามมาไม่หยุดหย่อนว่าตายแล้วไปไหน? ตั้งแต่ก่อนพุทธกาล จนหลังพุทธกาล
ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องสำคัญมาก และยิ่งใหญ่มากของมนุษย์ ไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว จึงมีพิธีกรรมหลังความตายซับซ้อน ดังนักโบราณคดีขุดพบหลักฐานจำนวนมากทั่วโลก แต่ยังถอดรหัสได้ไม่ครบถ้วน
เฉพาะในไทยเชื่อว่าคนมีขวัญ และขวัญไม่ตาย แม้ร่างกายเน่าเปื่อย
แล้วเชื่อว่าสักวันหนึ่งขวัญจะกลับมาสู่ร่างดังเดิม จึงมีประโคมเครื่องดนตรีปี่พาทย์เกิดเสียง ดังๆ ส่งสัญญาณให้ขวัญกลับ จนเป็นประเพณีปี่พาทย์โขนละครเล่นงานศพตราบจนทุกวันนี้
หลังจากรับศาสนาจากอินเดียก็มีคำสอนทางศาสนาเกี่ยวกับกรรมและเวียนว่ายตายเกิด แต่แล้วข้อสงสัยตลอดกาลของคน ยังหาคำอธิบายจุใจไม่ได้ว่า ตายแล้วเกิด หรือตายแล้วสูญ แต่ ติช นัท ฮันห์ บอกว่าไม่เกิดไม่ตาย
สุทธิชัย หยุ่น (คนบ้าข่าวแห่งเนชั่น) สนทนากับ ติช นัท ฮันห์ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายในหนังสือ ไม่มีเกิด ไม่มีตาย (สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2558) แล้วมีเมตตากรุณาส่งมาให้อ่านเตรียมตัวตาย
ผมอ่านแล้ว แต่เข้าใจไม่มาก เพราะเวลาเหลือน้อย