Spotlight : ทีมข่าวในฝันของเมืองไทย

Spotlight สร้างจากเรื่องจริง ของทีมนักข่าวหนังสือพิมพ์บอสตันโกลบ ที่เข้าไปขุดคุ้ยและตีแผ่ด้านมืดของศาสนาจักรในคดีล่วงละเมิดทางเพศ พวกเขาทำงานเป็นทีมด้วยอุดมการณ์ “เราไม่ได้โจมตีใคร แต่เราเสนอข่าวเพื่อโจมตีระบบ” นี่คือคำพูดที่มาร์ตี บารอน (เลียฟ ชไรเบอร์) บรรณาธิการพูดกับทีมสปอตไลท์ พวกเขาต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากพลังศรัทธา เกมการเมืองของคริสตจักร และระบบราชการที่ถามเขาว่า “คุณจะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน” นักข่าว ไมเคิล เรเซนเดส (มาร์ค ริฟฟาโล) ตอบกลับได้คมมาก “ผมจะต้องรับผิดชอบอย่างไรล่ะ ถ้าสาธารณชนไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงนี้” คำตอบนี้สะท้อนความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณของนักข่าวที่กล้าล้วงเข้าไปในมุมมืด และนำเสนอสิ่งที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ทีมนักข่าวแห่งประวัติศาสตร์ทั้งสี่ทำงานด้วยความมุ่งมั่น จิกกัดไม่ยอมปล่อย จนในปี 2002 สามารถตีพิมพ์ข่าวเกือบ 600 ชิ้น ว่าด้วยการล่วงละเมิดทางเพศที่กระทำโดยบาทหลวงกว่าเจ็ดสิบคน และถูกปกปิดอย่างต่อเนื่องโดยสำนักบาทหลวงคาธอลิค ข่าวที่พวกเขานำเสนอสั่นคลอนคริสตจักร พระคาร์ดินัลต้องลาออกจากการเป็นเจ้าคณะบาทหลวงเมืองบอสตัน และยังนำไปสู่การเปิดโปงคดีในลักษณะเดียวกันใน 105 เมืองทั่วสหรัฐอเมริกา และในเขตปกครองสงฆ์จำนวน 102 เขตทั่วโลก ทีมสปอตไลท์ได้รับรางวัลพูลิทเซอร์ ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดของการวงการนักเขียนและสิ่งพิมพ์ ในปี 2003

Spotlight ไม่ใช่หนังสนุกในแง่สร้างความบันเทิง แต่เป็นหนังที่สามารถตรึงผู้ชมให้ติดตามดูอย่างเอาใจช่วย (แม้จะรู้ว่าตอนจบของเรื่องเป็นเช่นไร) เนื้อเรื่องไม่สามารถปรุงแต่งให้สนุกได้มาก เพราะผู้สร้างต้องการนำเสนอความจริงแบบตรงไปตรงมา ความน่าสนใจของหนังอยู่ที่การเจาะลึกวิธีทำงานของนักข่าวที่เข้มข้น เต็มไปด้วยพลัง ได้เห็นถึงความเป็นสื่อมวลชนมืออาชีพ ที่ต้องกล้าหาญ ทำงานหนัก ใช้สมอง เพื่อแจ้งความจริงให้สังคมทราบ

นักแสดงในหนังเรื่องนี้ เป็นนักแสดงคุณภาพที่คอหนังรู้จักดีและยอมรับในฝีมือ เกือบทุกคนเคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลจากเวทีใดเวทีหนึ่ง ตั้งแต่ออสการ์ ลูกโลกทองคำ โทนี อวอร์ด และอื่นๆ ไมเคิล คีตัน ผู้รับบทวอลเตอร์ หัวหน้าทีมที่กล้าชนทุกอย่าง มาร์ค ริฟฟาโล นักข่าวหัวเห็ดที่สีหน้าและแววตาเหนือชั้นจนเคลิ้มไปว่าเป็นนักข่าวจริงๆ คนดูจะคุ้นเคยกับมาร์คในบทฮัลค์ของหนัง The Avenger ดูเรื่องนี้แล้วเสียดายความเก่ง ไม่อยากให้กลับไปรับบทซูเปอร์ฮีโรแบบนั้นอีก มาร์คมีชื่อเป็นผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมปีนี้ นอกจากนั้นมีราเชล แมคอดัมส์ แสดงเป็นซาซ่า นักข่าวที่ต้องเกลี้ยกล่อมแหล่งข่าวให้ยอมเปิดเผยความจริง ราเชลเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และยังมีไบรอัน ดาร์ซีย์ เจมส์ รับบท แมตต์ ฝ่ายข้อมูลที่ทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์เอกสารต่างๆ

Advertisement

ไม่ใช่แต่นักแสดงเท่านั้นที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าดู Spotlight ยังได้ผู้กำกับมือทองแบบ ทอม แมคคาร์ธี ซึ่งเคยกำกับหนังคุณภาพหลายเรื่อง รวมทั้งเคยเขียนบทภาพยนตร์หนังแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์เรื่อง Up นอกจากนี้ ทีมเบื้องหลังของหนังยังเป็นทีมคุณภาพจากหลายสาขา อาทิ ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบระดับเคยได้รางวัลออสการ์ ผู้กำกับงานศิลป์และออกแบบงานสร้าง และผู้ตกแต่งฉาก เป็นต้น

แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสื่อมวลชน แต่ลำดับเรื่องน่าสนใจและเข้าใจง่าย คนในวงการอื่นก็สามารถดูได้ สามารถรู้สึกเอาใจช่วยการทำงานแบบถึงลูกถึงคนของนักข่าว ความมุ่งมั่นของพวกเขาเป็นสิ่งที่ศรัทธาหรืออิทธิพลใด ไม่อาจยับยั้งได้ นี่เป็นหนังแนวการสืบสวนอีกมุมหนึ่งที่ไม่ได้ใช้นักสืบหรือตำรวจเป็นผู้หาข้อเท็จจริง

ดูจบแล้วก็สงสัยว่า เรื่องเกี่ยวกับความผิดปรกติในวงการศาสนาบ้านเราก็มี แต่ทำไมเราถึงปล่อยให้ความผิดปรกตินี้ดำรงอยู่ ทำไมถึงไม่มีใครลุกขึ้นมาเปิดโปง ทีมนักข่าวแบบนี้ชะรอยคงเป็นทีมนักข่าวในฝันสำหรับบ้านเราซะกระมัง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image