| ที่มา | มติชนออนไลน์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจาก ผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีการพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ พร้อมเศษถ่านไม้บริเวณชุดฐานพระปรางค์วัดระฆังโฆษิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ จึงอยากให้ผู้รู้ร่วมกันตรวจสอบว่าเป็นอัฐิของใคร
ผศ.นพ.ถนอม กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวจากพระสงฆ์ที่วัดดังกล่าว ว่าคนงานซึ่งกำลังบูรณะพระปรางค์ พบอัฐิและเศษไม้ที่ถูกเผาไฟ ขณะพยายามกะเทาะปูนเก่าบริเวณฐานด้านที่หันหน้าเข้าสู่อุโบสถหลังเก่า จึงพบว่ามีช่องว่าง ลักษณะเป็นโพรงลึกเข้าไป ด้านในพบเศษกระดูกปะปนอยู่กับเศษไม้ และก้อนกรวด จึงรวบรวมใส่กระสอบไว้แล้วแจ้งทางวัด ตนคิดว่าน่าจะเป็นอัฐิของเจ้านายชั้นสูง จึงแจ้งมาทาง “มติชน” และขอให้ผู้รู้ร่วมกันตั้งข้อสันนิษฐาน อีกทั้งตรวจสอบหลักฐานว่าเป็นของใคร ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ต่อไป
ผศ.นพ.ถนอม กล่าวอีกว่า ส่วนตัว ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นอัฐิของผู้สร้างปรางค์องค์นี้ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีในรัชกาลที่ 1 เพราะหากไม่ใช่บุคคลสำคัญจริงๆ คงไม่ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในพระปรางค์องค์สำคัญของวัด อีกทั้งเศษไม้เผาไฟที่พบร่วมกันก็มีน้ำหนักเบามาก จึงคาดว่าอาจเป็นไม้จันทน์ ซึ่งผู้ที่สามารถใช้ไม้ชนิดดังกล่าวในพิธีศพได้นั้น มีเฉพาะเจ้านาย อีกทั้งไม่พบช่องบรรจุอัฐิในจุดอื่นๆของพระปรางค์เลย ดังนั้น จึงเชื่อว่าเจ้าของอัฐิต้องเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมาก
“ถ่านไม้จันทน์ใช้เผาเจ้านายเท่านั้น จึงคิดว่า ต้องเป็นอัฐิเจ้านายพระองค์สำคัญ ปรางค์องค์นี้ก็เป็นปรางค์ชั้นสูง และจากการสอบถามช่างที่กำลังบูรณะ พบว่า ไม่มีเก็บอัฐิในจุดอื่นเลยนอกจากโพรงนี้ ซึ่งเมื่อเทียบความประณีตระหว่างที่เก็บอัฐิในเจดีย์องค์อื่นๆ อย่างเจดีย์ 3 องค์ข้างอุโบสถ จะเห็นได้ว่าประณีตกว่ามาก เป็นการทำอย่างดี แสดงว่าคงมีมาแต่เดิม ส่วนตัวเลยคิดว่าอาจเป็นอัฐิของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีในรัชกาลที่ 1 ผู้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้ซึ่งเดิมเป็นวัดชาวบ้าน ชื่อวัดบางหว้าใหญ่ แล้วได้รับการดูแลโดยราชสำนักในภายหลัง” ผศ.นพ.ถนอม กล่าว
นางสาวกัลยา ศรีศรชัย หัวหน้าคนงานบริษัทศิวกรก่อสร้าง กล่าวว่า คนงานได้พบกระดูกขณะกะเทาะพื้นผิวปูนที่ฉาบไว้เดิมซึ่งมีความผุกร่อน เพื่อเตรียมบูรณะตามขั้นตอน เมื่อใช้อุปกรณ์กะเทาะลงไปในจุดดังกล่าว กลับทะลุเข้าไปในโพรงซึ่งมีเศษกระดูกปนกับก้อนกรวด และไม้ที่ถูกเผาไฟเป็นชิ้นเล็กๆ จึงช่วยกันโกยใส่กระสอบ และแจ้งทางวัดรับทราบ สำหรับในส่วนงานบูรณะคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยมีกรมศิลปากรดูแลความถูกต้องทางวิชาการ
