ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
อ่านหนังสือ เป็นชื่อทำนองลีลาขับลำอย่างหนึ่ง แต่งเป็นกลอนอ่าน แล้วเขียนลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสือผูก
เริ่มจากพระสงฆ์ใช้เทศน์เล่านิทานเป็นทำนองดั้งเดิม (ของหมอมดหมอผี) แล้วหมอขวัญ (หมอพร) ใช้อ่านเป็นมหรสพอย่างหนึ่งในงานต่างๆ รวมทั้งงานศพ ในที่สุดนิยมใช้ลำต่างๆ โดยหมอลำ
มีร่องรอยอ่านหนังสือสมัย ร.5 อยู่ในนิราศเมืองหลวงพระบาง [ของ นายร้อยเอก หลวงทวยหาญศึกษา (เพิ่ม) พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2434] แต่เรียกลาวอ่านหนังสือ เพราะคนเขียนนิราศเรื่องนี้ไม่ลาว แต่เป็นชาวไทยสยาม กรุงเทพฯ
กลอนนิราศพรรณนางานสมโภชเจดีย์เมืองหลวงพระบาง ตอนหนึ่งบอกว่ามีขับทำนอง “ลาวอ่านหนังสือ” ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงสว่าง ดังนี้
นิมนต์เจ้าหัวขรัวลาวกล่าวคาถา สวดภาษาลาวสิ้นระบิลสาร
ครั้นสิ้นแสงสุริยาเวลากาล มีลาวอ่านหนังสือร้องทำนองนวล
ทั้งสาวหนุ่มประชุมล้อมกันพร้อมพรั่ง เอาผ้าบังโอษฐ์โอยทำโหยหวน
กล่าวคำโลมโฉมศรีให้ยียวน ผู้สาวทวนถ้อยชายพี่อ้ายเอย
น้องนี้มักฮักเว้ากับเจ้าแท้ ให้ตับแก้กินขิงข้าจริงเอ๋ย
ช่างสบถลดเลียบพูดเปรียบเปรย เหลือจะเชยชื่นคำเขารำพัน
จนรุ่งรางสร่างศรีรวิไข ช่วยกันใส่สาธารณะให้พระฉัน
เลี้ยงสำเร็จเสร็จลาจากท่าพลัน โดยอรัญวาเรศประเทศทาง
ล่าสุดได้อ่านบทความเรื่องอ่านหนังสือ กวีขับขานแห่งบรรพชนลาว โดย ชัยวัฒน์ โกพลรัตน์ [พิมพ์ในวารสารเพลงดนตรี ฉบับ January 2016 ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล] มีรายละเอียดขยายออกไปทำให้รู้กว้างขวางขึ้น
[เพราะผู้เขียนเรื่องนี้ โต๋ ชัยวัฒน์ มีกำเนิดและเติบโตในวัฒนธรรมลาว เป็นผู้ไท เมืองเรณูฯ นครพนม ลุ่มน้ำโขง ซึ่งผมเคยขอความรู้ประสบการณ์จากเขาเสมอๆ เพื่อประดับสติปัญญาตนเอง]
ทำให้ผมคล้อยตามอย่างซื่อๆ ว่าอ่านหนังสือในวัฒนธรรมลาว เป็นรากเหง้าอ่านทำนองเสนาะ หรืออ่านคำหลวงในโคลงกำสรวลสมุทรว่า “ฤๅกล่าวคำหลวงอ้า อ่อนแกล้งเกลาฉันท์” และขับเสภาของลุ่มน้ำเจ้าพระยา