เรื่องราวของ “เจ้าพ่อแอปเปิ้ล” และ “คุณตาผู้ตามหาแมว”

Steve Jobs

steve jobs

ไม่ใช่สาวกสตีฟ จอบส์ แต่คงต้องยอมรับว่าเมื่อ iPhone รุ่นแรกออกวางขายในปี 2007 เราคิดว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกและเปลี่ยนเทรนด์ของโทรศัพท์มือถือไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อหนังชีวประวัติของเขาเข้าฉาย แถมยังมีข่าวว่าได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขา คือ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ก็เลยตั้งใจไปดู อยากจะรู้ว่าอัจฉริยะที่ปฏิวัติโลกดิจิตอล และได้รับการสดุดีว่า “โลกของเราสามารถสื่อสารกันอย่างไร้ขอบเขตได้มากขึ้นเพราะสตีฟ จอบส์” มีความเป็นมาอย่างไร

หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังชีวประวัติทั่วไป หนังนำผู้ชมเข้าสู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 3 อย่างของเจ้าพ่อแอปเปิล เริ่มจากคอมพิวเตอร์ Macintosh ในปี 1984 NextCube ในปี 1988 และ iMac ในปี 1998 จากบทสนทนาระหว่างสตีฟ จอบส์ (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) และ คู่หูทางธุรกิจ โจฮันนา (เคต วินสเลต) เพื่อนร่วมก่อตั้งแบรนด์แอปเปิล สตีฟ วอซเนียก (เซธ โรแกน) และจอห์น สกัลลีย์ (เจฟ แดเนียลส์) อดีต CEO เป็ปซี่โคลา ที่จอบส์ชวนมาทำงานด้วย ผู้ชมสามารถทราบชีวิตเบื้องลึกของเขา ทั้งในแง่ความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ทั้งปมด้อยของการเป็นเด็กชายที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และทั้งบทบาทความเป็นพ่อที่เขาปฏิบัติต่อลิซาลูกนอกสมรส หนังนำเสนอความก้าวร้าว ความเชื่อมั่นในตนเอง และการเรียกร้องเอาแต่ใจตัวของจอบส์ ขณะเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าอัจฉริยะภาพของเขาอยู่ที่เขารู้ ผู้บริโภคต้องการอะไร ก่อนผู้บริโภคจะรู้ตัวเสียอีก

ความน่าสนใจของ Steve Jobs อยู่ที่การเล่าเรื่องผ่านบทสนทนา โดยเฉพาะที่ถกเถียงกันอย่างรุนแรง และเผ็ดร้อนระหว่างนักแสดงนำทั้งสอง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ เคต วินสเลต ซึ่งต้องยกความดีนี้ให้กับผู้เขียนบทหนัง แอรอน ชอร์กิน ซึ่งเคยสร้างความประทับใจให้คนดูจากบทหนังเรื่อง The Social Network บทพูดของหนัง Steve Jobs ไม่ใช่แค่ปะทะคารมกันแบบเชือดเฉือนเท่านั้น แต่เสียดสีและแทรกอารมณ์ขันแบบเจ็บๆ คันๆ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ อาจหน้าตาไม่เหมือนสตีฟ จอบส์ แต่การแสดงของเขาลื่นไหลและเหนือชั้นมาก เราจะรู้สึกหมั่นไส้ในความยะโส อวดดี และเอาแต่ใจตัวเองของเขา แต่ในบทพ่อที่แคร์ลูกนอกสมรสตอนท้ายเรื่อง เขาทำให้คนดูใจอ่อน ซาบซึ้งและสัมผัสถึงความอ่อนโยนที่เขาแอบซุกซ่อนไว้

Advertisement

Steve Jobs ทำให้คนดูรู้สึกว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาต้องมีความเชื่อมั่นว่า ตัวเองเกิดมาเพื่อจะประสบความสำเร็จ และพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จนั้น สตีฟ จอบส์ เลือกมองสิ่งที่คนอื่นมองข้าม และเชื่อมั่นในพลังแห่งการสร้างสรรค์ ที่จะเนรมิตสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาชีวิต แต่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลกให้ต่างไปจากเดิม

Finding Calico

FINDING CALICO

ถ้าอยากจะพักสมองจากหนังหนักๆ เครียดๆ แนวหนังออสการ์ แนะนำหนังเรื่องนี้เลย Finding Calico แค่ชื่อภาษาไทย กลับบ้านเถอะนะ….เจ้าเหมียว และโปสเตอร์ที่เป็นภาพคุณตานั่งขัดสมาธิ มีแมวสามสีตัวอ้วนนั่งอยู่ข้างๆ โปรยคำโฆษณาว่า แมวขี้น้อยใจ หนีออกจากบ้าน ทางเดียวที่จะง้อเจ้าเหมียวได้คือ ออกตามง้อ ผู้ชมก็คงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ จากหนังเรื่องนี้

หนังเล่าถึง ชีวิตอดีตครูใหญ่เจ้าระเบียนโรงเรียนประจำหมู่บ้าน คุณตาโมริอิ เคียวอิจิ (อิสเซย์ โองาตะ) ที่ใช้ชีวิตเกษียณตามลำพังหลังภริยาตาย เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และมีพฤติกรรมขวางโลกที่ชาวบ้านมองว่าเพี้ยน สิ่งที่รบกวนใจเขาคือ แมวจรจัดสามสีชื่อมี ที่ภริยาเคยให้ข้าวให้น้ำ มันชอบป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน จนคุณตารำคาญเพราะทำให้นึกถึงภริยาที่จากไป เขาทำหลายอย่างเพื่อไล่มันไปให้พ้น แล้ววันหนึ่งมันก็หายไปจริงๆ คุณตาเริ่มรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างหายไปจากชีวิต เขาออกตามหาเจ้าเหมียว ตระหนักถึงความสำคัญของแมวจรจัดตัวหนึ่งที่มีต่อชุมชน และมีอิทธิพลพอที่จะทำให้วิถีชีวิตของคุณตาเปลี่ยนแปลงไป

กลับบ้านเถอะนะ ….เจ้าเหมียว สะท้อนภาพชุมชนเล็กๆ ในชนบทญี่ปุ่น ที่คนในหมู่บ้านรู้จักกันหมด ทิวทัศน์ในหนังสวย สงบ คนในหมู่บ้านมีวิถีชีวิตที่ราบเรียบ แต่พร้อมจะช่วยเหลือกันเมื่อมีปัญหา แม้ปัญหานั้นจะเหมือนเล็กน้อยเช่นการหายไปของแมวตัวหนึ่ง แมวจรจัดที่กลายเป็นตัวเชื่อมให้คนในหมู่บ้านหันหน้าเข้าหากัน เรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น ความน่าประทับใจของหนังไม่ใช่เป็นความน่ารักของแมว แมวเป็นสัตว์ที่ฝึกยาก เจ้ามี่ในเรื่องนี้จึงได้แต่เดินไปเดินมา แต่เราซาบซึ้งความรู้สึกคุณตาว่า ที่เขาแสดงความรำคาญไม่ชอบเจ้าเหมียวและไม่อยากให้มันมาที่บ้านนั้น เป็นเพราะเขากลัวความรู้สึกผูกพัน สัตว์มีอายุสั้นกว่าคน เขาไม่อยากที่จะต้องรู้สึกเสียใจเมื่อถึงวันหนึ่งที่มันต้องจากไป

หนังสร้างความรู้สึกดีๆ เมื่อดูจบ เนื้อเรื่องเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ซ่อนความน่าสนใจไว้หลายอย่าง ประเทศไทยเริ่มก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 แต่ละปีจะมีผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นๆ Finding Calico นอกจากสะท้อนภาพแมวตัวเล็กๆ ที่สามารถยึดโยงคนในชุมชนแล้ว ยังสะท้อนชีวิตของผู้สูงอายุทั้งที่อยู่ลำพังและอยู่กับลูกหลาน ความเหงาความโดดเดี่ยวที่สังคมควรหันมาสนใจ ไม่ใช่มองว่าน่ารำคาญหรือเป็นภาระ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image