Kubo and the Two Strings แอนิเมชันกลิ่นอายตะวันออก โดยผู้สร้างตะวันตก

Kubo and the Two Strings แอนิเมชันกลิ่นอายตะวันออก โดยผู้สร้างตะวันตก

Kubo and the Two Strings แอนิเมชันกลิ่นอายตะวันออก โดยผู้สร้างตะวันตก

สิ่งแรกที่คนดูต้องพูดถึงอย่างสุดทึ่งในแอนิเมชันเรื่องนี้คือเทคนิคการสร้าง คูโบเป็นอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิค Stop-motion ความจริงเทคนิคนี้ไม่ใช่เทคนิคใหม่ Stop-motion เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 1800 เราผ่านตาหนังฮอลลีวูดที่สร้างด้วยเทคนิคนี้หลายเรื่อง เช่น King Kong (1933) Jason and the Argonauts (1963) ที่นักดูหนังรุ่นเก่าอาจจำภาพ เจสันฟันดาบกับกองทัพโครงกระดูกที่เชิงผาได้

Stop-motion เรียกอีกแบบว่า Model Animation คือวิธีใส่การเคลื่อนไหวเข้าไปในวัตถุที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เช่น หุ่นจำลองที่ค่อยๆ ขยับทีละนิด สตูดิโอไลก้าสร้างการ์ตูนด้วยเทคนิคนี้ทั้งหมด เริ่มจาก Coraline (2003) Paranorman (2012) The Boxtrolls (2014) และ Kubo and the Two String อันเป็นผลงานอันดับสี่

งาน Stop-motion เป็นงานที่ประณีต ละเอียด ต้องอาศัยช่างฝีมือจำนวนไม่น้อย ใช้ความอุตสาหะและทุ่มเทอย่างมาก กว่าจะผลิตออกมาได้ หนัง Kubo ใช้เวลาในการสร้างประมาณ 94 สัปดาห์ เฉลี่ย 3 วินาทีต่อสัปดาห์ ความยาวหนังรวมประมาณ 101 นาที ซึ่งยาวกว่าหนัง Stop–motion ทุกเรื่องในโลกภาพยนตร์

ท้ายเรื่องของหนังมีเบื้องหลังการถ่ายทำ การสร้างอนิเมชั่น Stop–motion เรื่องนี้ ซึ่งน่าสนใจมาก ตอบโจทย์ให้คนดูหายสงสัย ว่าทำไมภาพที่ออกมาจึงดูละเมียดละไม เห็นท้องทะเลแปรปวน เสื้อผ้า เส้นผมปลิวไสว ราวใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก

Advertisement

Kubo เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นยุคโบราณ สมัยที่คนยังเชื่อในเรื่องเวทย์มนตร์และภูตผีปีศาจ Kubo เด็กน้อยตาเดียว (พากย์เสียงโดยอาร์ท พาร์คินสัน) อาศัยอยู่ตามลำพังกับแม่ที่มีอาการเลอะเลือน และมักตกอยู่ในภวังค์ประหลาด คูโบเล่นพิณและใช้เวทมนตร์เล่านิทานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม่สอนให้เวลาคูโบไปไหนต้องนำเครื่องรางที่เป็นตัวลิงหิมะไปด้วย และต้องกลับบ้านให้ทันพระอาทิตย์ตกดิน คูโบละเมิดคำสั่งโดยกลับไม่ทันพระอาทิตย์ตก ปีศาจคู่แฝดซึ่งเป็นน้าของเขา (รูนีย์ มาร่า) หาคูโบเจอ และจะควักลูกตาอีกข้างที่เหลือ คูโบต้องจากแม่ ออกผจญภัยตามหาเสื้อเกราะ ที่จะทำให้เขาเอาชนะราชาแห่งดวงจันทร์ ผู้เป็นตา (เรล์ฟ ไฟน์) และน้าสาวคู่แฝดได้ โดยมีเพื่อนร่วมทางเป็นลิงหิมะ (ชาร์ลิซ เธอรอน) และซามูไรด้วง (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์)

หนังมีกลิ่นอายตะวันออกในมุมมองของผู้สร้างซึ่งเป็นชาวตะวันตก สอดแทรกวิถีชีวิต ปรัชญา และความเชื่อของญี่ปุ่นยุคก่อนได้อย่างเนียนไปกับเนื้อเรื่อง สายใยครอบครัวเป็นธีมหลักของเรื่อง ทั้งความรักระหว่างแม่กับลูก รักระคนแค้นของตากับหลาน และยังนำเทคนิคการพับกระดาษของญี่ปุ่นอย่างโอริกามิ มาสอดแทรกได้อย่างน่าดูและสวยงาม

เนื่อเรื่องมีลักษณะละม้ายคล้ายเกมคอมพิวเตอร์ ตัวเอกเสาะแสวงหาบางสิ่งบางอย่าง แต่ละด่านต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ปีศาจโครงกระดูก สัตว์ประหลาดที่มีแต่ลูกตาในท้องทะเล ปีศาจสาวคู่แฝด และเดอะมูนบีสต์ สัตว์ร้ายคล้ายปลาสมัยดึกดำบรรพ์

ฉากแอคชั่นในหนังดูสนุกและตื่นเต้น โดยได้ทีมงานของมาร์เวลมาร่วมออกแบบการต่อสู้ แอรอน โทบี นักออกแบบบทต่อสู้ซึ่งมีผลงานจาก Avengers : Age of Ultron, Captain America : Civil War เป็นผู้ให้คำแนะนำในเรื่องการฟันดาบ ยิงธนู และการต่อสู้ประชิดตัว ซึ่งสมจริงและสนุกจนคนดูลืมไปเลยว่า นี่เป็นหนังอนิเมชั่น

Kobo เป็นหนังสนุกตามสไตล์ไลก้า ออกแนวดาร์ทๆ อาร์ทๆ ที่ไม่ใช่หนังมองโลกสวยแบบดีสนีย์ ฉากแอคชันสู้กันจริงๆ ตายกันจริงๆ คูโบจึงไม่ใช่หนังสำหรับเด็ก แต่เด็กก็สามารถดูได้ โดยอาจจับแค่ประเด็นความสนุกสนานตามเนื้อเรื่อง ผู้ใหญ่น่าจะซึมซับอรรถรสได้มากกว่าเด็ก ทั้งแนวคิดเชิงปรัชญาและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่สอดแทรกอยู่ในหนัง

เพลงประกอบหนังไพเราะมาก เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับพิณ ฉะนั้นจะมีเครื่องดนตรีญี่ปุ่นที่เรียกว่าซามิเซ็งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเพลง แม้แต่เพลงท้ายเรื่อง Why my guitar gently weeps ของ The Beatles ที่เอามาให้เรจิน่า สเปคเตอร์ ขับร้องใหม่ ก็แสนหวานแสนไพเราะด้วยการมีซามิเซ็งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image