Fast and Furious 8 มันครบรส

Fast and Furious 8 มันครบรส

Fast and Furious 8 มันครบรส

16 ปีผ่านไป The Fast and The Furious (2001) หนัง Street Racer ทุนต่ำที่นำแสดงโดยนักแสดงหน้าใหม่ วิน ดีเซล ก็เดินทางมาถึงภาคที่ 8 และกลายเป็นหนังตำนานรถซิ่งแฟรนไชส์ ที่มีแฟนคลับคอยติดตามมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ภาคที่แล้ว Fast 7 เป็นหนังที่กวาดรายได้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้เร็วที่สุด และขึ้นแท่นหนังรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 6

หนัง Fast 8 นี้มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า The Fate of the Furious ซึ่งก็น่าจะหมายถึงชะตากรรมของดอม (ดอมินิค ทอเรตโต) หนังมาพร้อมกับคำโปรยว่า Family No More เป็นบททดสอบสำคัญของคนในครอบครัว เมื่อหัวหน้าครอบครัวแปรพักตร์

ภาคนี้ไม่มีไบรอัน (พอล วอล์กเกอร์) ให้เห็นเป็นตัวตน มีเพียงบทสนทนาและการพาดพิงที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ไบรอันยังคงอยู่ในใจของทั้งตัวละครและในความคิดคำนึงของคนดู

Advertisement

หนังตระกูล Fast ทั้ง 8 ตอน บางตอนในช่วงแรกๆ ยังไม่มีการรวมทีมนักแสดงครบทุกคนแบบที่เราเห็นในภาคหลังๆ ภาคแรก มีดอม มีไบรอัน ภาคที่ 2 (2 Fast 2 Furious) เป็นเรื่องของไบรอัน ภาคที่ 3 Tokyo Drift เป็นหนังแข่งรถอีกแนวที่แทบไม่มีนักแสดงจากทีม Fast แต่มีดอมโผล่หน้ามาตอนจบ

ตั้งแต่ภาค 4 เป็นต้นมา คนดูเริ่มคุ้นเคยกับครอบครัวของดอม เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด แต่ผูกพันด้วยมิตรภาพ ความรัก การช่วยเหลือและไม่ทอดทิ้งกันและกัน

การมี คริส มอร์แกน เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมาโดยไม่เปลี่ยนตัวผู้เขียนบท ทำให้ประเด็น “ครอบครัว” เป็นประเด็นหลักและชัดเจนของหนังชุดนี้ คนดูเกิดความผูกพันกับตัวละคร จน “อิน” มาก เมื่อเสียตัวละครตัวใดตัวหนึ่งไป

Advertisement

เรื่องย่อของหนังเป็นดังที่ปรากฏในตัวอย่าง ไซเฟอร์ (ชาร์ลิซ เธอรอน) ผู้ก่อการร้ายอัจฉริยะไซเบอร์ เป็นต้นเหตุที่บังคับให้ดอมต้องหันหลังให้ครอบครัว และดึงดอมเข้าสู่โลกอาชญากรรม ตั้งแต่การขโมยอาวุธและอุปกรณ์ไฮเทค ที่ก่อความปั่นป่วนให้กับโลก ทั้งระเบิด EMP กระเป๋าบรรจุรหัสยิงระเบิดนิวเคลียร์ ตาเทพ (The God’s Eyes) และเรือดำน้ำที่มีหัวรบนิวเคลียร์

การจัดการกับดอมให้ได้นั้น มิสเตอร์โนบอดี้ (เคิร์ท รัสเซล) จากองค์กรลับที่เคยทำงานร่วมกันเห็นว่า นอกจาก เลตตี้ (มิเชลล์ ร็อดดริเกซ) เทจ (คริส บริดเจส) โรมัน (ไทรีส กิ๊บสัน) และแรมซีย์ (นาตาลี เอ็มมานูเอล) แล้ว

จะต้องระดมมือพระกาฬ ตั้งแต่ฮอบส์ (ดเวย์น จอห์นสัน) เจ้าหน้าที่หน่วย DSS และเดคการ์ด ชอว์ (เจสัน สเตแฮม) ศัตรูตัวร้ายที่ดอมและทีมจับได้และถูกคุมขังในคุก (จาก Fast 7) ให้ออกมาช่วย

การต่อสู้และไล่ล่ากันอย่างโม้สะบั้น บู๊กระจาย จึงเกิดขึ้นตลอดหนังเกือบทั้งเรื่อง มันชนิดคนดูนั่งไม่ติด และสงสัยว่าหนังจะบ้าระห่ำไปได้ขนาดไหน

ต้องยอมรับว่าหนัง Fast ภาคหลังๆ เล่นใหญ่ขึ้น ไปไกลว่าหนังแก๊งซิ่งรถแข่ง ที่ไม่ใช่แค่สู้กับโจรกระจอก หรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น แต่กลายเป็นต่อกรกับอาชญากรรมระดับคุกคามโลก

ทั้งพล็อตเรื่องและตัวละครพัฒนาไปไกลมาก ความเป็นหนังเกี่ยวกับการแข่งรถหายไป แต่กลายเป็นหนังที่ตัวละครใช้ทักษะการซิ่งรถมาปฏิบัติภารกิจ ทั้งโม้ ทั้งเว่อร์แบบไม่บันยะบันยัง มีช็อตการขับรถที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง แต่หนังก็ทำออกมาให้คนดูเชื่อ สนุกและเพลิดเพลิน จนมองข้ามความสมจริงและความเป็นไปได้

แม้ภาคนี้ไม่มีไบรอัน แต่การนำตัวละครเก่าๆ กลับมาร่วมทีมเช่น เคดการ์ด ชอว์ และเซอร์ไพรส์คนดูด้วยตัวละครบางตัวที่โผล่มาโดยไม่คาดคิด ทำให้หนังเข้มข้นขึ้น ทั้งยังเสริมด้วยนักแสดงดีกรีออสการ์ถึง 2 คน

คนแรก ชาร์ลิซ เธอรอน (ได้รางวัลออสการ์จากเรื่อง Monster) ในบทไซเฟอร์ วายร้ายหญิงคนแรกของหนังตระกูล Fast สวย โหดเหี้ยม และเยือกเย็น เคยแสดงหนังสุดระห่ำ Mad Max: Fury Road (หนังที่กวาดรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัล) คนที่สอง เฮเลน มิร์เรน (ดาราออสการ์จากหนัง The Queen) มาในบทแม่จอมดราม่าของชอว์

บททั้งสองบทนี้ ความจริงไม่จำเป็นต้องใช้ดาราระดับเธอรอนและมิร์เรนก็ได้ แต่การมีเธอทั้งสองมาร่วมแจม ก็เป็นการยกระดับหนัง Fast ให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง

ภาคนี้แอคชั่นจัดหนักเหมือนเคย ขนาดภาค 7 ว่าโม้แล้ว ภาค 8 ยิ่งหนักกว่า ไม่คำนึงถึงตรรกะหรือความเป็นจริง สร้างให้คนดูสนุก มัน และบันเทิง

ฉากไล่ล่าดอม ทั้งเล่นชักคะเย่อรถ และบังคับรถยนต์ให้ตกจากตึกเหมือนฝนตกเป็นรถยนต์เพื่อจารกรรมรหัสนิวเคลียร์ ก็ทำเอานิวยอร์กเละตุ้มเป๊ะทั้งเมือง

ฉากซิ่งรถถังบนพื้นน้ำแข็ง โดยมีเรือดำน้ำติดอาวุธพร้อมไล่ถล่มรถซิ่ง ก็เป็นความคิดที่บรรเจิด เป็นไอเดียสร้างสรรค์และฝีมือกำกับของผู้กำกับผิวสี เอฟ. แกรี เกรย์ ที่เคยกำกับหนังหลากหลายแนว หนังเพลงชีวประวัติวงฮิปฮอบระดับตำนานที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่าง Straight Outta Compton หนังทริลเลอร์ The Negotiator หนังแอคชั่นแบบ The Italian Job และหนังตลกคลาสสิค Friday

นอกจากแอคชั่นมันหยดที่ประเคนใส่มาแบบไม่หยุดยั้งแล้ว ภาคนี้มีดราม่ากับบทของดอมที่จำใจต้องหันหลังให้ครอบครัว และมุขตลกจากโรมันที่ฮาได้ใจ บทจิกกัดระหว่างฮอบส์และชอว์ก็แสบๆ คันๆ เปลี่ยนชอว์จากมือสังหารหน่วยรบสุดโหดที่กว่าจะจับตัวได้ กลายเป็นชอว์ที่ตลกหน้าตายและบู๊ได้สุดยอด

วิน ดีเซลบอกว่า The Fate of the Furious คือจุดเริ่มต้นของหนังไตรภาคที่จะปิดตำนาน Fast and Furious ที่ดำเนินมายาวนานถึง 16 ปี มีตัวละครเก่าที่โผล่มาร่วมทีม และเปิดตัวละครใหม่ เอริค ไรสเนอร์ (สกอต อีสต์วูด ลูกชายคลินท์ อีสต์วูด) เจ้าหน้าที่มือใหม่ของมิสเตอร์โนบอดี้ ที่หล่อเหลาเอาการ

ซึ่งคงต้องติดตามดูว่า ไรสเนอร์จะสามารถแทนที่และผูกใจคนดูได้อย่างไบรอันหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image