บทนำมติชน : ทวงคืนโบราณวัตถุ

กระแสทวงคืนพระอวโลกิเตศวรสัมฤทธิ์ที่เชื่อว่ามาจากปราสาทเขาปลายบัด อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกบริษัทต่างชาตินำออกประมูลขายในราคาประเมินกว่า 1.4-2.1 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มประติมากรรมที่มีการลักลอบนำออกนอกประเทศไทยไปในช่วงสงครามเวียดนาม แล้วไปโผล่ในยุโรป โดยกระจายไปอยู่ในความครอบครองของเอกชน รวมถึงพิพิธภัณฑ์บางแห่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้หวงแหนโบราณวัตถุ

“มติชน” ได้ตรวจสอบย้อนกลับไปในยุคสงครามเวียดนาม พบว่าภาคอีสานของไทยตกอยู่ในเขตคอมมิวนิสต์ยึดครอง นับตั้งแต่กรกฎาคม พ.ศ.2501 ไทยเปิดถนนมิตรภาพสู่อีสาน สร้างด้วยทุนสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ปฏิวัติตัวเอง ครองบัลลังก์อำนาจเต็มตัว เดือนมีนาคม พ.ศ.2503 ไทยเปิดฐานทัพอากาศ 3 แห่งในอีสานโดยสหรัฐหนุนหลังได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี

พ.ศ.2504 สหรัฐเข้าสู่สงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการ สร้างถนนไฮเวย์ขนระเบิดจากตะวันออกสู่อีสาน และในที่สุด พ.ศ.2507 สหรัฐส่งทหารอเมริกันตั้งฐานทัพในไทยไปทิ้งระเบิดเพื่อนบ้าน และช่วงเวลานี้เองที่เชื่อว่าประติมากรรมสัมฤทธิ์นับร้อยองค์จากปราสาทลึกลับนามว่าปลายบัด ถูกขนออกนอกประเทศ ซึ่งรูปปั้นพระอวโลกิเตศวรสัมฤทธิ์นี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในสมบัติที่ถูกลักลอบนำไปด้วย

แม้ว่านักวิชาการมองว่า การทวงคืนสมบัติของชาติไทยโดยใช้กฎหมายอาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แต่เมื่อประเทศไทยพบร่องรอยการนำวัตถุโบราณซึ่งเป็นสมบัติของชาติออกไปเช่นนี้ ควรหาวิธีการบอกให้โลกรับทราบว่าวัตถุโบราณอันล้ำค่าดังกล่าวมีถิ่นฐานอยู่ที่ประเทศไทย และควรหาวิธีการพูดคุยเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อหาทางนำวัตถุโบราณซึ่งเป็นสมบัติของชาติกลับมาประเทศ

Advertisement

รัฐบาลไทยควรใช้วิธีการทวงด้วยศีลธรรมเหมือนดั่งที่นักวิชาการแนะนำ เพื่อให้ประเทศผู้ครอบครองหรือองค์กรหรือบุคคลที่ครอบครองวัตถุโบราณที่ไม่ใช่ของตัวเองรู้สึกละอายและยอมส่งมอบวัตถุโบราณนั้นๆ กลับคืนสู่ถิ่นเดิม เรื่องเช่นนี้สามารถทำได้ ทั้งในระดับรัฐ คือ รัฐบาล และในระดับประชาชน คือคนไทยในประเทศนั้นๆ โดยการออกมาเรียกร้องทวงคืนวัตถุอันล้ำค่าเฉกเช่นพระอวโลกิเตศวรสัมฤทธิ์ที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้กลับคืนสู่ประเทศไทย

1

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image