Thor: Ragnarok “หนังภาคปิดท้าย?” ที่ไม่น่าพลาด

Thor: Ragnarok "หนังภาคปิดท้าย?" ที่ไม่น่าพลาด

Thor: Ragnarok “หนังภาคปิดท้าย?” ที่ไม่น่าพลาด

สารภาพว่ามีความลำเอียงบางประการกับหนังเรื่อง Thor เพราะติดใจ คริส เฮมส์เวิร์ธ ตั้งแต่แสดงเป็นพ่อกัปตันเคิร์ก ในหนัง Star Trek (2009 ) จนติดตามดูหนังทุกเรื่องที่ เฮมส์เวิร์ธ แสดง

ใจหายใจคว่ำเมื่อหนังภาคเดี่ยวของ Thor ดูเหมือนไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นหนังลิเกอวกาศ สู้หนังซุปเปอร์ฮีโร่ตัวอื่นของค่ายมาร์เวลไม่ได้ แถมหลายคนกลับไปติดใจ โลกิ (ทอม ฮิดเดิลสตัน) ตัวร้ายของเรื่องที่แสนจะเจ้าเล่ห์ แต่มีมิติทางอารมณ์มากกว่าเทพเจ้าสายฟ้าที่ออกแนวฟอร์มมาก

แต่ Thor ภาคนี้ไม่เหมือนภาคต่างๆ ที่ผ่านมา ผู้กำกับหนังโทนตลก ไทกา ไวติติ ที่เคยทำหนังโปรเจ็กต์ใหญ่สุดคือหนังคอมเมดี้สยองขวัญเรื่อง What We Do in the Shadow พลิกโฉม Thor จากหนัง Epic จักรๆ วงศ์ๆ ให้กลายเป็นหนังแฟนตาซีคอมเมดี้ ที่มีความหลุดโลกอย่างไม่คาดคิด

เป็นThor ที่สดใสมีชีวิตชีวา จนนักวิจารณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นตรงกันว่า Thor ภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุด

Advertisement

ไวติติ พูดถึงหนังเรื่องนี้ว่า “หลายอย่างที่เราทำในหนังเรื่องนี้ คล้ายๆ กับเป็นการทำลายและปลดแนวคิดเก่าๆ ออก สร้างหนังในแบบที่สดใหม่ต่างไปจากเดิม และมีการตีความตัวละครใหม่”

จากเจ้าชายแห่งแอสการ์ดผู้ทรงพลัง แข็งแกร่ง และได้รับการยอมรับ ธอร์กลับพ่ายแพ้พี่สาวตัวเอง เฮล่า เทพีแห่งความตาย (เคต แบลนเชตต์) อย่างหมดรูป อาวุธคู่กายค้อนโยเนียร์ถูกทำลาย ธอร์ถูกซัดมาตกที่ดาวซาคาร์ และถูกวัลคีรี (เทสซา ธอมป์สัน) นักล่าค่าหัว อดีตนักรบหญิงแห่งแอสการ์ดจับตัวไปขายให้ เดอะ แกรนด์มาสเตอร์ (เจฟฟ์ โกลด์บลัม) ผู้นำดาวซาคาร์ที่มีจริตชอบดูการต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์

ธอร์ตกอยู่ในสภาพนักโทษ ไม่มีใครสนใจความเป็นมาของเขา อิสรภาพของเขาจะเกิดขึ้นได้ ก็เมื่อเขาชนะการประลองกำลังแบบกลาดิเอเตอร์ ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาคือฮัลค์ (มาร์ค รัฟฟาโล)

ธอร์สลัดคราบเทพเจ้าผมสลวย กลายเป็นนักโทษที่ถูกจับหั่นผม เปลี่ยนคอสตูมเป็นแนวกลาดิเอเตอร์ ใช้อาวุธหลากหลาย เช่น ปืนเลเซอร์ และ ดาบ และที่เซอร์ไพรส์อย่างมากคือ การสร้างเรื่องให้ธอร์พ่ายแพ้เฮล่าจนรูปโฉมเปลี่ยนไป แบบที่คนดูไม่คาดคิด และรูปลักษณ์แบบนี้คงจะปรากฏในหนัง Avengers: Infinity War เช่นกัน เป็นอย่างไร ไปดูกันเอง

ต้องยอมรับว่า ไวติติทำให้หนัง Thor มีสีสันมากขึ้น ทั้งงานภาพที่สีจัดจ้าน ไม่อึมครึม หรือออกแนวหม่นแบบสองภาคก่อน ตัวธอร์เอง เปลี่ยนทั้งรูปกายภายนอก และมีความฮาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

การรับมุขโยนมุขระหว่างธอร์และฮัลค์เข้ากันอย่างดี เป็นคู่หูคู่ฮา ที่มีจุดเหมือนกันคือพละกำลัง แต่ต่างก็เกทับและไม่ยอมกัน ธอร์เล่าให้ฮัลค์ฟังว่า ตอนต่อสู้กันระหว่างเขาและฮัลค์นั้น “ข้าชนะใสๆ” ส่วนฮัลค์ซึ่งเหมือนเด็กหัดพูด ก็โต้ว่า ระหว่างเขากับธอร์นั้น “ฮัลค์เหมือนไฟลุกโชน ธอร์เหมือนไฟใกล้มอด”

ไวติติเปลี่ยนโทนของหนังให้กลายเป็นหนัง road–trip ตลกๆ เล่าเรื่องการผจญภัยในอวกาศระหว่างธอร์และฮัลค์ โดยมีโลกิ ซึ่งในเรื่องนี้แม้จะยังคงเจ้าเล่ห์แต่มีมุขฮา ร่วมแจมด้วย ฉากโลกิปลอมตัวเป็นโอดินครองแอสการ์ด และจัดละครสรรเสริญตัวเอง เล่าเรื่องเกี่ยวกับ โอดิน ธอร์ และ โลกิ เป็นฉากขำๆ ที่น่าสนใจมาก

ตัวละครที่เป็นตัวร้ายในเรื่องแบบเดอะแกรนด์มาสเตอร์ ก็ดูเพี้ยนและป่วน ขณะที่เฮล่า นางร้ายจอมโหดหญิงคนแรกของค่ายมาร์เวล ก็ออกแนวพังค์ ลุคเหมือนนักร้องพังค์ Siouxsir Sioux ทาตาดำ นุ่งกางเกงรัดรูปขาดๆ ยามทรงเครื่องเต็มยศมีอาภรณ์ประดับศีรษะน่าเกรงขาม ที่ทำให้นึกถึง แอนเจลินา โจลี แม่มดสโนไวท์ในหนัง Maleficent แถมนางมีลูกน้องตัวล่ำบึก หัวโล้น สเกิร์จ (คาร์ล เออร์เบิน) ที่เรื่องนี้แทบดูไม่ออกว่าเป็นคนเดียวกับหมอแมกคอย ผู้สุขุมและแสนสุภาพ ในหนัง Star Trek ที่สร้างตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา

Thor ภาคนี้อาจเป็นหนังเดี่ยวของธอร์ภาคสุดท้าย เหมือน Iron Man และ Captain America ที่ฉายไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่ฮีโรหลายตัวจะไปปรากฎตัวรวมกันในหนังใหญ่ Avengers: Infinity Wars และถือเป็นหนังทิ้งทวนที่นักดูหนังไม่น่าพลาด ทั้งสนุก ฮา หลุดโลก และบ้าๆ บอๆ

แม้ไวติติจะไม่ใช่ผู้กำกับที่ดังมาก แต่เขามีพลังที่ทำให้ Thor กลายเป็นหนังเปิดตัวแรง รายได้เกินทุนสร้างตั้งแต่สัปดาห์แรกที่หนังเข้าฉาย และเป็นหนัง Thor ที่คนดูจะต้องจดจำกับมุขตลกและแอคชั่นมันๆ เช่น การประลองกำลังกันระหว่างธอร์กับฮัลค์ การปะทะกันระหว่างธอร์กับเฮล่า

ขอมีคำถามท้ายเรื่องให้นักดูหนังตอบเล่นๆ พอสนุก

ตอนดูจบ คุณทราบไหม “แม็ตต์ เดมอน” แสดงเป็นใคร?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image