Justice League รวมพลซุปเปอร์ฮีโร่

Justice League รวมพลซุปเปอร์ฮีโร่

Justice League รวมพลซุปเปอร์ฮีโร่

เวลาหนังฮอลลีวูดมีสัญลักษณ์บางอย่างจากประเทศไทยไปปรากฏในหนัง จะออกอาการปลื้มๆ อย่าง Spider–Man: Home Coming ที่มีฉากป้าเมย์กินข้าวกับปีเตอร์ในร้านอาหารจีน ก็เป็นฉากที่คนไทยฮือฮาและซาบซึ้ง

มา Justice League การตายของซุปเปอร์แมน ทำให้คนทั่วโลกสลดหดหู่ มีการขึ้นป้ายแสดงความเสียใจในทุกประเทศ คนไทยก็เอากับเขาด้วย มีการเขียนคำไว้อาลัยภาษาไทย “เราจะไม่ลืมคุณ” แขวนที่ตึกมหานครในกรุงเทพฯ ลองไปหาเองล่ะกันว่าอยู่ช่วงไหนของหนัง

ใครจะว่าไงไม่รู้แต่ส่วนตัวมีความเห็นว่า Justice League เป็นหนังสนุก ดูเพลิน มีมุขขำขัน แอคชั่นก็มันดี อาจมีปัญหาอื่นๆ บ้าง แต่ก็เหมือนหนังซุปเปอร์ฮีโรทั่วๆ ไป หนังประเภทนี้เป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิง จะเอาความสมจริงสมเหตุสมผลคงไม่ได้

Justice League เล่าเรื่องต่อจาก Batman V Superman: Dawn of Justice ที่ท้ายเรื่องพูดถึงการรวมตัวกันของ แบทแมน ซุปเปอร์แมน และวันเดอร์วูแมน เพื่อจัดการดูมส์เดย์ แม้จะชนะ แต่โลกก็เสียซุปเปอร์แมนไปจากการต่อสู้ครั้งนี้

Advertisement

การรุกรานโลกครั้งใหม่เกิดจาก สเตพเพนวูล์ฟ และเหล่าสมุนที่เรียกว่า พาราเดมอน ซึ่งตามหาพลังวิเศษ Mother Box สามกล่อง ที่ถูกซ่อนไว้ที่ต่างๆ กัน Mother Box นี้หากนำมารวมกัน จะสร้างพลังมหาศาล ที่มีอำนาจทั้งการสร้างและการทำลาย

โปสเตอร์หนังมีคำโปรยว่า “คุณไม่สามารถปกป้องโลกได้ด้วยตัวคนเดียว” แบทแมน ร่วมกับ วันเดอร์วูแมน จึงต้องสร้างทีมเพื่อต่อกรกับเหล่าร้ายกลุ่มนี้

สมาชิกที่เข้ามาร่วมทีมคนแรกคือ เดอะ แฟลซ แบร์รี อัลเลน (เอซรา มิลเลอร์) เด็กหนุ่มที่มีพลังความเร็วกว่าแสง (ความเร็วระดับนี้ชนะควิกซิลเวอร์ จากค่ายมาเวล ที่มีความเร็วกว่าเสียง เพราะแสงเร็วกว่าเสียง) แต่เดอะแฟลซบอกแบทแมนว่า เขาไม่เคยสู้กับใครเลย “ปรกติแค่ผลักแล้วซิ่ง” เท่านั้น

Advertisement

ผู้ร่วมทีมคนอื่นได้แก่ อาร์เธอร์ เคอร์รี่ หรือ อควาแมน (เจสัน โมมัว) จ้าวสมุทรที่สื่อสารกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ และ วิกเตอร์ สโตน (เรย์ ฟิชเชอร์) ไซบอร์ก ลูกชายนักวิทยาศาสตร์ที่เกิดอุบัติเหตุจนสูญเสียอวัยวะหลายส่วน ผู้เป็นพ่อเปลี่ยนร่างกายกว่า 90% ของเขาเป็นเครื่องจักร เพื่อรักษาชีวิตไว้ เขากลายเป็นหนุ่มพลังวิเศษ และสามารถแฮกระบบคอมพิวเตอร์ทุกระบบในโลก

การเล่าเรื่องการรวมทีมของทั้งห้าคนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ อาจยังไม่ชัดเจนในความเป็นมาของแต่ละคน แต่หนังดูง่าย ตัวละครทั้งห้าแสดงเข้าขากันดี บทไม่ถึงกับเท่าเทียมกัน แต่ก็ทำให้คนดูจดจำและเป็นเชื้อให้อยากติดตามดูต่อไป

สุดยอดยังคงเป็นวันเดอร์วูแมน สวยสง่ามาดสตรอง พ่วงด้วยเหล่านักรบหญิงของเกาะเทอมิสทีรา ที่ฉากต่อสู้กับสเตพเพนวูล์ฟ เพื่อปกป้อง Mother Box เป็นฉากแอคชั่นที่เท่และน่าดูมากที่สุดฉากหนึ่ง

อควาแมนยังมีบทไม่มาก ฉากยืนกลางทะเลโชว์ซิกแพกน่าจะได้ใจสาวๆ ไม่ใช่น้อย ในขณะที่เดอะแฟลซหนุ่มเกรียน ก็ออกแนวตลกที่น่าเอ็นดู ไซบอร์ก เป็นตัวละครที่คนดูอาจไม่ค่อยสนใจ เพราะไม่หล่อ ผิวดำ แถมค่อนข้างเคร่งเครียด แต่เขาเป็นตัวแทนของคนผิวสีและคนพิการ ที่หนังอาจต้องการสื่อให้เห็นว่า ทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติและความไม่พร้อมทางกาย

แบทแมน ฮีโร่ผู้ชอบทำงานคนเดียว จำใจระดมทีมเพื่อปกป้องโลก ภาคนี้ดูไม่เก่งเหมือนคนอื่น พลังพิเศษของเขาคือความรวย ที่เขาใช้สร้างเทคโนโลยีเพื่อต่อกรกับเหล่าร้าย เบน แอฟเฟล็ก แสดงเป็นแบทแมนสามครั้งแล้ว (รวมทั้ง Suicide Squad) แต่มีข่าวว่าหนัง Batman ภาคเดี่ยวที่กำลังจะสร้าง เบนอาจไม่ได้รับบทนี้แล้ว

สุดท้าย ฮีโร่ที่ไม่ปรากฏตัวในหนังตัวอย่าง เพราะอยากสร้างเซอร์ไพร์ คือ ซุปเปอร์แมน ที่มาตามคาด เก่งชนิดฮีโร่คนอื่นแทบหมดความจำเป็น แต่เอาเถอะ มีฮีโร่ให้ดูเยอะๆ ก็เป็นกำไรคนดู

มีเรื่องเล่าขำๆ ว่า ขณะถ่ายซ่อมบทซุปเปอร์แมน เฮนรี่ คาวิลล์ กำลังแสดงหนัง Mission Impossible 6 ซึ่งต้องไว้หนวด แต่ซุปเปอร์แมนมีหนวดไม่ได้ คาวิลล์ก็โกนหนวดไม่ได้ ผลคือ ต้องใช้ CG ลบหนวด ทำให้งบการสร้างเพิ่มอีก 20 กว่าล้าน เป็นงบที่แทบจะสร้างหนังได้เรื่องหนึ่งทีเดียว

ที่ผ่านมา หนังของค่าย DC มักถูกวิจารณ์ว่าโทนสีหนังหม่นมืด หนังออกแนวดาร์ก แต่ Justice League เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หนังสีสันสดใส เนื้อหาไม่ซับซ้อน เดินเรื่องเป็นเส้นตรง สำหรับผู้วิจารณ์ หนังเรื่องนี้สนุกดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image