Pitch Perfect 3 หนังดูสบายๆ ส่งท้ายปี

Pitch Perfect 3 หนังดูสบายๆ ส่งท้ายปี

Pitch Perfect 3 หนังดูสบายๆ ส่งท้ายปี

Pitch Perfect ภาคแรกปี 2012 (ผลงานผู้กำกับ เจสัน มัวร์) และภาคสอง 2015 สร้างเสียงฮือฮา เป็นหนังเพลงไลฟ์แอคชั่นที่ผสานความไร้สาระ ตลกขบขัน และเพลงไพเราะ ได้อย่างลงตัว จนได้รับการตอบรับด้วยดีทั้งในแง่คำวิจารณ์และรายได้

โดยภาคแรก เป็นภาคแนะนำตัวสาวๆ ต่างไซส์ ต่างเชื้อชาติ ที่มารวมตัวกันเป็นทีมร้องเพลง มีลูกเล่นหลากหลายประเด็น เพลงที่นำมาคัฟเวอร์ก็เป็นเพลงดังที่นำมาร้องในแนวอะแคปเปล่า (ทำเสียงดนตรีเองโดยไม่ใช้เครื่องดนตรี) ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ และเป็นการทำอะไรนอกกรอบ ที่เพลงออกมาไพเราะจนลืมเวอร์ชั่นออริจินัลไปเลย

ภาคที่สอง สาวๆ ก้าวสู่การแข่งขันร้องเพลงอะแคปเปล่าระดับโลก ที่มีวง Pentatonix ซึ่งเป็นวงแชมป์อะแคปเปล่าในเวที The Sing–Off (ซีซั่นสาม) มาช่วยสร้างสีสัน มีนักอเมริกันฟุตบอลจากทีม Green Bay Packers ตัวจริงมาร่วมแจมทั้งร้องทั้งเต้นกันจริงๆ หนังยังคงมีเพลงไพเราะ และอัดแน่นความฮา

มาภาคที่สาม ที่เป็นบทสุดท้ายของเหล่าสาวๆ ทีมบาร์เดน เบลล่าส์ ที่ผู้กำกับ ทริช ซี (จาก Step Up All In) รับผิดชอบ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ทำอย่างไรถึงจะให้หนังสนุก เรียกเสียงหัวเราะ และคงไว้ซึ่งเพลงไพเราะ

Advertisement

Pitch Perfect 3 ยังคงได้ตัวละครชุดเก่าตั้งแต่ แอนนา เคนดริค กลับมารับบท รีเบคก้า เรเบล วิลสัน รับบทแฟต เอมมี ร่วมด้วย เอมิลี (เฮลีย์ สไตน์เฟลด์) ลิลลี่ (ฮานา เม ลี) ออบรีย์ (แอนนา แคมป์) ฯลฯ พวกเธอเรียนจบและแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพที่แทบจะไม่เกี่ยวกับการร้องเพลง แต่ละคนไม่ประสบความสำเร็จในการงาน แม้รีเบกก้าจะได้เป็นโปรดิวซ์เซอร์เพลง แต่เธอก็ไม่มีความสุขกับงานที่ทำจนต้องลาออก

ทั้งหมดจึงกลับมารวมตัวกันเพื่อทำสิ่งที่ตนรัก คือการร้องเพลง โดยครั้งนี้บาร์เดน เบลล่าส์ ร่วมทัวร์ USO เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารอเมริกันที่ประจำในยุโรป โดยมีวงฮิพฮอพชายและวงร็อคหญิงล้วนที่เป็นมืออาชีพ สามารถทั้งร้อง เต้น และเล่นดนตรีได้ด้วยตัวเองมาร่วมประชัน การเดินสายนี้ดีเจดังส่งแมวมองมาร่วมชม โดยหากถูกใจทีมไหนก็จะมีการเซ็นสัญญาให้ทำงานร่วมกัน บทพิสูจน์ความเป็นเพื่อนและครอบครัวเบลล่าส์จึงเกิดขึ้น เมื่อดีเจดังพอใจและจะเซ็นสัญญาแค่เฉพาะแค่ รีเบกก้า

คงต้องยอมรับว่าเพลงภาคนี้ไม่ติดหู และสู้สองภาคแรกไม่ได้ แม้แต่เพลงสุดท้าย เพลง Freedom ของจอร์จ ไมเคิล (ศิลปินเพลงโด่งดังที่เสียชีวิตไปเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว) เพลงเกี่ยวกับมิตรภาพซึ่งจะเป็นทั้งเพลงอำลา และเริ่มต้นบทใหม่ที่ประกาศว่า ตัวละครจะไปในทิศทางใด ก็ไม่ประทับใจเท่าที่ควร แต่โดยรวมยังถือได้ว่า เป็นหนังที่ดูเพลิน และมีเพลงไพเราะ ฉากโชว์กล่อมขวัญทหารที่แต่งกายด้วยชุดพราง (ของทหาร) เป็นฉากเพลงที่น่าสนใจและมีชีวิตชีวามากที่สุด

หนังยังคงออกแนวตลกไร้สาระ ตัวละครโก๊ะๆ และชอบทำลายข้าวของวินาศสันตะโร พล็อตเรื่องกลวงมาก หนังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทีมเบลล่าส์มีพัฒนาต่างไปจากเดิมอย่างไร ก็สมควรแล้วที่ดีเจดังเลือกแต่รีเบกก้า ซึ่งภาคนี้ได้โชว์เสียงเพลงไพเราะหลายเพลง แต่ความสำเร็จของรีเบกก้าก็มาแบบง่ายมาก ซ้ำเพื่อนร่วมทีมก็ยอมรับและพร้อมแยกกันไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเธอรู้สึกว่า “ฉันยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้พวกเราได้ร้องเพลงด้วยกัน”

หนังเพิ่มประเด็นพ่อแฟต เอมมี (แสดงโดยจอห์น ลิธโกว์จาก The Crown) เพื่อให้แฟต เอมมี ได้แสดงฉากแอคชั่น ที่ดูแล้วมันหลุดโลกและเหมือนพยายามยัดเยียดเข้ามาเพื่อให้ขบขัน เป็นจุดอ่อนสุดของภาคนี้

แต่โดยรวม Pitch Perfect 3 เป็นหนังที่ดูได้สบายๆ และไม่ต้องคิดอะไรให้มาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image