Beirut หนังการเมืองเข้มข้น

Beirut หนังการเมืองเข้มข้น

แฟนหนังบางคนไปดู Beirut เพราะชอบ โทนี กิลรอย มือเขียนบทผลงานคุณภาพ ที่เคยได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์จากเรื่อง Michael Clayton ทั้งยังเป็นผู้เขียนบทหนัง The Bourne Trilogy และ Star Wars: Rogue One

บางคนไปดูเพราะชอบ แบรด แอนเดอร์สัน ผู้กำกับหนังระทึกขวัญ The Machinist, The Call และ Transsiberian

น้อยคนไปดูเพราะชอบพระเอก จอน แฮมม์ ซึ่งไม่ใช่ดาราที่ดังมาก แต่ฝีมือการแสดงของเขาการันตีด้วยหลายรางวัล

ผลงานภาพยนตร์ของ จอน แฮมม์ ที่ผู้วิจารณ์จดจำจนต้องตามมาดูเรื่อง Beirut คือบทจอมโจรที่ไม่เหี้ยม แต่บ้าดีเดือดและรักเมียจนพอเมียตายก็คลุ้มคลั่งอาละวาดหนัก ในหนัง Baby Driver (2017) ฝีมือกำกับเอ็ดการ์ ไรด์

Advertisement

ในเรื่อง Beirut จอน แฮมม์ รับบท เมสัน สไกลส์ นักการทูตที่มีทักษะการเจรจาเป็นเลิศที่ทำงาน ณ กรุงเบรุต ในปี 1972 แต่ชีวิตพังทลายเพราะภริยาถูกสังหาร เมสันจากเบรุตมาด้วยอาการหัวใจสลาย ชีวิตตกต่ำติดเหล้า จากชีวิตนักการทูตกลายเป็นนักเจรจาต่อรองด้านแรงงาน

สิบปีผ่านไป คาล ไรลีย์ (มาร์ก เพลเยกริโน) หัวหน้าทีมปฏิบัติการตะวันออกกลางของสหรัฐฯ อดีตเพื่อนรักของเขาถูกจับเป็นตัวประกัน และผู้ก่อการร้ายระบุให้เมสันเท่านั้นเป็นผู้มาเจรจาต่อรอง

ความท้าทายในภารกิจนี้คือ ผู้ก่อการร้ายไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการแลกเปลี่ยนคาลกับพี่ชายผู้ก่อการร้าย ที่อยู่เบื้องหลังการที่เมียเมสันถูกฆ่าตาย ซ้ำผู้ลักพาตัวคาลไป ยังเป็นอดีตเด็กปาเลสไตล์ที่เมสันและเมียเคยอยากขอรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมสมัยที่เขาทำงานที่เบรุต

Beirut ไม่ใช่หนังแอคชั่นมันระเบิด แต่เป็นหนังการเมืองที่ค่อนข้างดราม่า สะท้อนภาพสงครามในกรุงเบรุตที่มีข้อพิพาทของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ทั้งอิสลามหัวรุนแรง กลุ่ม PLO กลุ่มชาวคริสต์ ฯลฯ

เมสันไม่ได้มีทักษะในการต่อสู้ ความสามารถของเขาคือการเจรจาต่อรอง เพื่อหาจุดที่ต่างฝ่ายต่างพอยอมรับได้ หนังจึงมีบทสนทนาค่อนข้างมาก แฮมม์ รับบทหนัก ต้องจำทั้งบทพูดและการแสดงออกให้สอดคล้องกัน

แต่เป็นการแสดงที่สื่อต่างประเทศหลายสำนักเห็นตรงกันว่า “นี่เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของ จอน แฮมม์”

ใครที่มีพื้นความรู้เกี่ยวกับการเมืองในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน คงได้อรรถรสในการดูหนังเรื่องนี้มากกว่าผู้ชอบดูหนังทั่วไป

เพราะหนังไม่ได้ปูเรื่องเผื่อคนที่ไม่มีความรู้เรื่องความขัดแย้งเหล่านี้ เมื่อประกอบกับเนื้อหาที่เข้มข้น จริงจัง ตัวละครเยอะแยะและบทสนทนาที่ยาวเหยียด Beirut เป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิสูงในการดู และเป็นหนังที่น่าจะเหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่ม

สีสันที่พอมีในหนังเรื่องนี้มาจากแซนดี้ (โรซามันด์ ไพค์ จากหนัง Gone Girl และ Jack Reacher) เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสาวที่คอยสนับสนุนและช่วยเหลือเมสัน

บทของโรซามันด์ไม่เด่นมาก แต่พอลดโทนความกดดัน และความเคร่งเครียดของเนื้อหาหนังให้คลายลง และทำให้คนดูพอจะสนุก ลุ้น และเอาใจช่วยให้ภารกิจของเมสันประสบความสำเร็จและตัวประกันรอดชีวิต

Beirut ถ่ายทำที่แทนเจียร์ โมร็อคโค ทีมงานฝีมือขั้นเทพจริงๆ ที่สามารถเนรมิตให้แทนเจียร์กลายเป็นกรุงเบรุต ดินแดนที่ระอุ ด้วยไฟสงครามได้อย่างสมจริง เห็นร่องรอยกระสุนตามกำแพง ร้านค้า และความทรุดโทรมทุกอณูของบ้านเมืองอันเกิดจากสงครามกลางเมืองที่ต่อสู้กันยาวนาน

จนดูทีแรกนึกว่า หนังเรื่องนี้ถ่ายทำ ณ สถานที่จริง ทั้งยังพลอยสัมผัสถึงความไม่ปลอดภัย และอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ที่เผอิญไปอยู่ตรงนั้น

สรุปว่า Beirut เป็นหนังน่าสนใจที่ไม่ใช่ดูเพื่อความสนุกสนานหรือเพลิดเพลิน เหมาะกับคนที่สนใจรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง โทนหนังค่อนข้างเครียด หนังมีสาระ นักแสดงแสดงดี และงานภาพของหนังมีเอกลักษณ์ ทั้งสวยทั้งถ่ายทอดบรรยากาศบ้านเมืองในภาวะสงคราม จนเหมือนคนดูเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image