ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ อะไรที่ “อยากได้” ก็มักจะไม่ได้
แต่อะไรที่ “ไม่อยากได้” มักจะได้เสมอ
ใครที่รู้เท่าทันชีวิต จึงต้องรู้จักเตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อมไว้เสมอ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะมาเมื่อไร ไม่มีใครรู้ เหมือนที่ แองเจลินา โจลี นางเอกฮอลลีวู้ดคนดังวัย 42 ปี กำลังปรับตัว ปรับใจอยู่ระหว่างนี้กับชีวิตโสด ที่เธอยอมรับว่าไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้เลยสักนิด
ทั้งนี้ เป็นเวลาเกือบปีแล้วที่โจลีได้ประกาศแยกทางกับ แบรด พิตต์ พระเอกดังที่ร่วมชีวิตกันมา 10 ปี และในบทสัมภาษณ์ล่าสุด แม่ม่ายลูก 6 ก็ยอมรับว่าที่เธอต้องแยกทาง เลิกรากับอดีตสามีพระเอกดังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
ที่จริงระหว่างเดินสายให้สัมภาษณ์เพื่อโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘First They Killed My Father’ที่ออกฉายทาง Netflix โจลียอมรับว่า “ตอนนี้ฉันค่อนข้างอายๆ ด้วยซ้ำ เพราะว่าฉันไม่ได้เข้มแข็งเหมือนก่อน”
ถึงแม้จะแยกทางกัน แต่โจลีและแบรด พิตต์ ยังไม่ได้หย่าขาดกันอย่างสมบูรณ์ทางกฎหมาย ด้วยทั้งสองต่างตกลงที่จะจัดการเรื่องละเอียดอ่อนนี้อย่างเงียบๆ เป็นส่วนตัวเพื่อเห็นแก่ลูกๆ ทั้ง 6 ซึ่งมีทั้งลูกแท้ๆ และลูกบุญธรรมที่เธอรับมาอุปการะตั้งแต่ยังเล็ก จนกระทั่งปัจจุบันลูกๆ ต่างโตเป็นวัยรุ่นเกือบทุกคนแล้ว
“มันยากมากเลยนะ ฉันไม่ได้มีความสุขกับการเป็นโสด มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ มันไม่มีอะไรดีสักนิด บางครั้งมันอาจจะดูเหมือนชีวิตฉันกำลังเข้ารูปเข้ารอย แต่จริงๆ แล้วฉันกำลังพยายามใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน” นางเอกคนสวยให้สัมภาษณ์กับหนังสือซันเดย์ เทเลกราฟ ทั้งยังว่า “หากจะพูดกันเรื่องความรู้สึก นี่ถือเป็นปีที่ยากลำบากมาก และฉันยังมีปัญหาด้านสุขภาพที่ฉันต้องเฝ้าระวังอีก ”
ที่ผ่านมาโจลีไม่เคยปิดบังว่าเธอมีปัญหาสุขภาพ อย่างเมื่อปี 2556 เธอก็เคยออกมาพูดถึงเรื่องที่เธอตัดสินใจผ่าตัดเต้านมทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากทั้งแม่ ป้า และยายของเธอต่างเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่มาก โดยแม่เธอเสียชีวิตตอนอายุ 56 ปี ต่อมาปี 2558 เธอยังตัดสินใจผ่าตัดรังไข่และท่อรังไข่ทิ้ง แต่ตอนนั้นเธอยังมีแบรด พิตต์ คอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง ต่างจากตอนนี้ที่ซิงเกิลมัมอย่างเธอต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ เพียงลำพัง แต่ถึงกระนั้น โจลีก็ว่า เธอพยายามมองด้านดี สิ่งดีๆ ในชีวิต เพื่อเป็นพลังให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่ก่อนหน้านี้เธอยังมีอาการความดันโลหิตสูง และเพิ่งฟื้นตัวจากโรคอัมพาตเบลล์หรือโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ที่เธอรักษาด้วยการฝังเข็มกระทั่งอาการดีขึ้นเป็นปกติ
“ฉันดีใจที่ฉันไม่เป็นมะเร็ง แต่ถึงแม้ต่อไปฉันจะเป็นมะเร็งขึ้นมา มันก็อาจเป็นช้าไปราว 2-3 ปี การแลกกันเพื่อให้ได้มาซึ่งความสบายใจ มันคุ้มค่า ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องค่อยๆ ค้นหาตัวฉันคนเดิมกลับมา บางครั้งชีวิตคนเรามันก็มีเป๋ มีหลงทางไปบ้าง ฉันก็เจอเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตมากมาย ทั้งโรคภัยที่ต้องต่อสู้ เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก แต่มันก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้ซึมซับ พัฒนา และเติบโตขึ้น”
นางเอกระดับเอลิสต์ของฮอลลีวู้ดบอกว่า “บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนโดนรถชน แต่ฉันก็พยายามจะหัวเราะเท่าที่จะทำได้ เรามักจะเครียด ที่ลูกๆ รู้สึกได้ถึงความเครียดของเรา ในยามที่พวกเขาต้องการความสุข ความสนุกจากเรา แต่แม้ในช่วงที่คุณกำลังรับคีโม (รับการรักษาเคมีบำบัด) คุณก็จำเป็นต้องหาทางหัวเราะและมอบความรักให้ได้ มันอาจจะฟังดูเหมือนพวกโลกสวย แต่มันคือความจริง”