‘แหม่ม วิชุดา’  เผยจุดเริ่มต้นทำศัลยกรรม เล่ามีสัมผัสพิเศษ-เคยโดนทำของใส่

‘แหม่ม วิชุดา’  เผยจุดเริ่มต้นทำศัลยกรรม เล่ามีสัมผัสพิเศษ-เคยโดนทำของใส่

นักแสดงสาวอารมณ์ดี แหม่ม วิชุดา พินดั้ม มาพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวชีวิตในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 แบบหมดเปลือกทั้งเรื่องบินไปทำศัลยกรรมเกาหลีมาถึง 3 รอบ และยังได้เล่าถึงประสบการณ์การมีสัมผัสพิเศษกับสิ่งเร้นลับจนโดนทำของใส่ และเปิดเรื่องหัวใจที่คบกับแฟนหนุ่มมา 10 ปี ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน ไม่ขอมีทายาท

ตัดสินใจบินไปทำหน้าใหม่ที่เกาหลี
“ตอนแรกคือ เราจะใช้แอฟถ่ายรูปตลอดเวลาเป็นความเคยชิน ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้หน้าแย่อะไรเลยแต่เพราะมันได้ช่วยเรื่องแสง แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ใช้แอฟถ่ายก็ตกใจเพราะว่ามันชัดมาก หน้าจริงเราขนาดนี้เลยเหรอ มันห้อยก่อนวัยอันควรมากๆสำหรับหน้าเรา เพราะเพื่อนในวัยเดียวกันก็ไม่ได้ห้อยอะไรขนาดนี้ ตอนนั้น คือ เราอายุ 41 แต่ตอนนั้นคือ หน้าเราเกือบ 50 เลยนะคะ เพราะเราเป็นคนไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างแรงไม่ทำอะไรเลย ไม่ทาครีมนี่คือ เป็นปกติคือไม่มีวันทาครีมเลย พอเราทำงานถ่ายงานเสร็จแล้วกลับบ้านล้างหน้าคือ นอนเลยไม่ทาครีม ไม่เลเซอร์เพราะเจ็บเราไม่ชอบ แล้วการที่เราไม่ดูแลตัวเองคือ มีผลจริงๆ”

“ก่อนหน้าที่เราจะไปเกาหลี เคยถูกหมอที่เมืองไทยฉีดไขมันเข้าใต้ตาแล้วเขาฉีดผิดแล้วมัน เกิดข้อผิดพลาดเราคือมันไม่ได้อยู่ในที่ที่เราอยู่ เราเลยหลอนตั้งแต่ตอนนั้นเลยไม่กล้าทำอีกเพราะถ้าเกิดพลาดอีกจะทำยังไง”

เพราะเหตุผลนี้เลยตัดสินใจไปทำที่เกาหลี
“ใช่ค่ะ การที่เราไปทำหน้าแต่ละรอบค่อนข้างแพงแต่คุ้ม”

Advertisement

แล้วกลัวไหมที่ไปทำแล้วจะกลายเป็นคนอื่นไปเลย
“ก่อนที่เราจะไปทำจะมีคอนเซาท์ เขาจะบอกเราได้หมด และห้ามเราด้วย เขาอยากให้เราทำทีละอย่าง เนื่องจากว่าสิ่งที่เราอยากทำมากกว่านั้นถ้าหน้าเราเข้าที่แล้วอาจจะไม่ต้องทำก็ได้”

จริงไหมที่ทำศัลยกรรมแล้วจะติด
“จริงๆ เราจะไม่เถียงเลยถ้ามีคนบอกว่าเราเสพติดศัลยกรรมเพราะเราขี้เกียจเถียง แต่ถ้ามานั่งจับเข่าคุยกันอยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เราบินไป เขาไม่ได้ให้เราทำศัลยกรรมทุกรอบหรอก อันไหนที่เราทำแล้วเขาก็ไม่ได้ให้เราอีก แต่มันเป็นการบินไปบางครั้งแต่ทำผิวหน้า ผิวตัว”

ทำศัลยกรรมครั้งไหนที่ทำแล้วเจ็บมากที่สุด
“ตอนนั้น ไปปลูกผมพร้อมกับดึงหน้า ปลูกผมคือ กรีดข้างหลังมาทั้งแผงเลย แล้วเราไปดึงหน้า ทำให้เรานอนไม่ได้ มันเลยทำให้เราเจ็บตลอดเวลา แต่เราก็พยายามออกไปเดินนะคะ เพราะถ้าเดินจะหายเร็ว ก็เดินทั้งๆที่หน้าเราพันแผลอยู่นั่นเลยค่ะ เพราะที่นั่นไม่มีใครสนใจใคร”

Advertisement

ขอย้อนไปก่อนเข้าวงการคือ ไม่ได้มาในบท นางร้าย ใช่ไหม
“ตอนแรกที่เราเข้ามาเป็นนางเอกก่อนเลย ตอนที่เข้ามาในวงการคือ อายุ 12 ค่ะ พอสักช่วงอายุ 17-18 ก็มีละครเรื่อง นางอาย เขาก็จะมีนางเอกสองคนมี จอย ศิริลักษณ์ กับ เบนซ์ เป็นนางเอก แล้วก็จะมีนางร้ายเราเป็นคนที่ได้รับบทนางร้ายในเรื่องนั้น โดยป้าแจ๋ว เป็นคนคัดเลือก เพราะว่าป้าแจ๋ว เข้าเคยเล่นละครเวทีกับเรา เรายังคิดอยู่เลยว่าป้าแจ๋ว เห็นความร้ายในตัวเรายังไง ตอนแรกจะไม่รับแล้วด้วยความที่เรากลัวคนติดภาพ เดี๋ยวกลับมาเล่นเป็นนางเอกไม่ได้ ป้าแจ๋ว เลยโทรศัพท์มาสั่งสอนนิดหน่อย ถ้าเธอเล่นเธอจะเลิฟบทนี้ และเธอจะค้นเจอตัวตนที่แท้จริงของเธอ เราก็เลยเล่นและก็ค้นพบตัวเอง เพราะเราความสุขมาก สนุกกับการเล่นละครทุกฉาก มีความเล่นลูก เล่นเสียง ทุกอย่างเลย”

แถมยังเป็นนางร้ายสายฮาอันนี้ยากกว่าการเป็นนางร้ายไหม
“เราต้องเป็นตลกตลอดเวลา แต่คือ ตัวจริงของเราคือไม่ได้เป็นคนตลกเลย เป็นคนเครียดมาก แต่เราเป็นคนคุยสนุก เวลาเราอยู่จอหน้าทุกคนเราจะต้องเป็นคนคุยสนุก มีแต่เรื่องสนุกมาคุยกัน มันก็เลยมีแต่ความครื้นเครง”

เคยอำลาวงการไป
“ตอนนั้นเหมือน 19-20 เราก็จะติสต์ หน่อยงานเยอะแล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากเรียนหนังสือ เพราะตอนเด็กๆเราเรียนสอบเทียบมาตลอด ไม่ได้เรียนปกติเหมือนคนอื่น ตอนนั้นคิดแค่ว่าฉันต้องไปต่างประเทศเลยไปอยู่อเมริกา 6 เดือน แล้วคือ อยู่ไม่ได้เรารู้สึกว่าใช้ชีวิตอยู่ยากมากเรามาอยู่อะไรที่นี่ ก็เลยกลับมาอยู่เมืองไทยเหมือนเดิม รับงานเหมือนเดิม อยู่มาจน 30 กว่าปีนี้แล้วค่ะ ตั้งแต่ครั้งนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะอำลาวงการหรือจากไปจากวงการอีกเลย อยากทำงานทุกวันเลย แต่ก็มีไปบ้างไปเกาหลี แต่ไปไม่กี่วันก็กลับมา”

แต่มีอีกเรื่องที่ไม่มีใครรู้ แหม่ม วิชุดา เป็นคนเห็นผีมาตั้งแต่เด็ก และมีสัมผัสพิเศษ
“ใช่ค่ะ ถ้าเด็กที่จำได้คือประมาณ 10 ขวบ คือ เราไม่ได้เห็นเป็นตัวเป็นตนมาคุยกันเลยนะคะ แต่ที่เราเห็นคือ มันมีหุ่นที่สำหรับไว้ใส่เสื้อผ้าอยู่ในบ้านเราแล้วเราก็ตั้งชื่อเขาว่า ลินดา ก็พูดคุยเล่นกับเขา แล้วมีวันหนึ่งเรานอนหลับ เหมือนกับเราฝันว่าเราเดินเข้ามาในบ้านแล้วเดินผ่าน ลินดา แล้วเราเดินเข้าไปในห้อง แต่พอเข้าไปในห้องเราเห็น ลินดา นั่งคุยโทรศัพท์อยู่แล้วเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็รีบวิ่งออกไปดูเขาก็ยังอยู่ที่เดิม แต่เราได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังออกมาจากห้อง เหมือนมีคนกดโทรศัพท์อยู่ทั้งๆที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง แต่อันนี้คือเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เรามาเล่าให้ฟัง เรากับลินดา ก็ใช้ชีวิตด้วยกันในบ้านหลังนั้น คือ มันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ สำหรับเรื่องลินดา เพราะเวลาเพื่อนเรามาหาเราที่บ้านเขาก็จะรู้สึกว่ามีคนเดินอยู่ในบ้าน จนเราต้องหักแขนหักขาลินดาออกแล้วเอาไปไว้ในห้องเก็บของ”

“คือคนที่มีสัมผัสพิเศษจะเป็นคนที่ถูกทำของใส่ง่ายมาก เราเคยโดนทำของใส่ เพราะว่าคนที่ทำเขาอยากให้รักให้หลงเขา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แคร์ความรู้สึกของคนคนหนึ่งเยอะมาก เยอะกว่าปกติ เราก็เลยบอกน้องเราว่า พี่ว่าพี่โดนของ แล้วคือหัวใจเต้นจนอยู่ไม่ได้ต้องไปหาเขา แล้วคือไม่ใช่แฟนเราไม่ใช่คนที่เราคบด้วย แล้วที่เราพิสูจน์ได้ว่าเขาทำของใส่ก็คือ เพื่อนพาเราไปที่ที่หนึ่งแล้วเขาให้เรานั่ง แล้วก็ตั้งขาขึ้น แล้วก็ไหว้ แล้วคือพอพระสวดขาเราที่ตั้งก็เริ่มงอไม่ยอมตั้งเลยทุกคนที่ไปแก้ของเป็นแบบนี้ทุกคนเลย แล้วพอไปแก้แล้วคือ ความรู้สึกกับที่เราหลงเขาคือ หยีใส่เลย แต่หลังจากที่เราไปทำคือ สิ่งที่เราเคยสัมผัสได้คือ หายไปหมดเลย”

เรื่องความสัมพันธ์กับคนรู้ใจ จริงๆมีแฟนใช่ไหม
“มีแฟนนะคะ เราก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเลยเราก็ใช้ชีวิตปกตินะคะ สำหรับแฟนคนนี้คบกันมาปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้ว”

แล้วมีแพลนจะแต่งงาน มีลูกไหม
“คือจริงๆเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว คือ เรา 30 กว่าแล้วนะคะ เราไม่ชอบงานแต่งงาน ขนาดไปงานแต่งเรายังไม่ค่อยไปเลย ไม่อยากใส่ชุดสีขาว เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง แต่แฟนอยากแต่งงาน แฟนอยากมีลูก แต่เราเองที่ไม่ปกติเราไม่ยอมแต่ง แต่ถ้าจะมีลูกเอา 10 ล้าน เดี๋ยวจะมีให้เพราะเราต้องเลี้ยงลูกเอง ต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง มันมีข้อแม้เยอะจะมีทำไม ซี่งเรื่องการแต่งงาน การมีลูกคือ เราคุยกันตั้งแต่ก่อนที่เราคบกันเลย ซึ่งเขาก็ยอมรับในสิ่งที่เราตกลงกันมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะมันเป็นความตั้งใจของเราเลยที่ว่าจะไม่แต่งงานและไม่มีลูก แต่สำหรับแฟนคนนี้ที่เขาอยู่กับเราได้เพราะเขายอมรับในสิ่งที่เราเป็น ทุกวันนี้ ที่เก็บเงินไว้ก็เพื่อดูแลคุณแม่ ดูแลตัวเองยามแก่”

เพราะต้องเก็บเงินมากมายไว้ดูแลตัวเอง จึงต้องรับงานเยอะและตอนนี้คือ ยังทำน้ำพริกออกมาขายอีก
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ขายน้ำพริก ชื่อว่า จงสู้ น้ำพริกตัวนี้เกิดขึ้นตอนช่วงโควิด เพราะช่วงนั้นเรากินเยอะ และ รีวิว เกี่ยวกับสินค้าที่เป็นอาหารเยอะมาก และเราเป็นคนชอบกินน้ำพริกมากแล้วเราคือ ไปทานน้ำพริกอันนี้แล้วเราชอบมากเราเลยไปติดต่อให้เขาทำส่งมาให้เรา และอีกอันคือ หมูฝอย คือขายดีมากเพราะทำส่งต่างประเทศด้วย เกาหลี อเมริกา สิงค์โปร์ ใครสนใจอยากลองชิมสามารถติดต่อได้ทาง IG แล้วพิม jong_suu นะคะ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image