‘ปารีณา’ เปิดชีวิตหมดเปลือก บอกช่วยไม่ได้ ทำอะไรก็ดัง แย้มอีก 5-6 ปีอยากมีแฟนใหม่

เมื่อวันที่ 4 มกราคม รายการ ถามสุดซอย ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-11.00 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” เปิดใจสัมภาษณ์ “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในสังคมในปีที่ผ่านมา

เล่นการเมืองมากี่ปี?
“เป็น ส.ส.มามากกว่า 15 ปีค่ะ เราตั้งใจอยากเป็นนักการเมืองเหมือนคุณพ่อ”

ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก?
“คุณพ่ออยากให้พี่ชายเป็น ส.ส. แต่พี่ชายไม่เอา น้องชายอายุไม่ถึง ดิฉันเลยไปขอเขาสมัครเอง ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียว”

เริ่มต้นด้วยการประกวดนางสาวไทย ดูเหมือนคนละเรื่องกับการเมือง มันมายังไง?
“ตอนเด็กๆ ไปอยู่อเมริกา ไปทำผม ก็มีคนชวนไปประกวดนางนพมาศตามวัดก็มี ใครเจอก็ชวนไปประกวด ตอนเด็กๆ หน้าตาดี (หัวเราะ) พอโตขึ้นใครชวนประกวดก็ไป ไปเล่นๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก”

Advertisement

ไม่ได้อยากเข้าสู่นางงามหรือบันเทิง?
“จริงๆ ชอบทุกวงการ ทุกวงการมีเสน่ห์ และได้เข้ามาสัมผัสทุกวงการ ตอนเป็นนางงามไปไหนก็ได้ตังค์ ได้เดินแฟชั่นโชว์ เพราะเป็นคนตัวสูง แต่เป็นคนไม่ขึ้นกล้อง แต่ถ้าการเมืองไปไหนจะมีแต่ค่าใช้จ่ายและเสียตังค์ นี่คือข้อแตกต่าง”

ได้ตังค์แล้วทำไมไม่อยู่วงการ?
“อายุปูนนี้แล้วอยู่ไม่ไหว ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่ๆ เยอะมาก สวยมาก”

ตอนเข้าสู่วงการการเมือง อายุเท่าไหร่?
“เป็น ส.ส.สมัยแรก อายุ 28”

Advertisement


ไม่คิดเหรอว่าการเข้าสู่วงการจะโดนด่ามากกว่าถูกชม และงานค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะตอนหาเสียง เราอยากเล่นเพราะอะไร?
“ก็เข้าใจ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยและมาเล่นการเมืองด้วยจะยิ่งโดนโจมตีหนักหน่อย ถ้าเราไปยึดติดกับสังคมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากก็คงไม่ต้องทำอะไร เพราะมันต้องโดนอยู่แล้ว ตอนสมัยไม่ดังในการเมืองท้องถิ่นเล็กๆ ในจังหวัดดิฉัน แม้แต่นายก อบต.เวลาเขาแข่งขันกันก็สาดโคลนกันเรื่องปกติ ขนาดผู้ใหญ่บ้านยังสาดกันเลย ขุดขึ้นมาจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ด้วยระบบประชาธิปไตยประชาชนจะเป็นคนชี้ขาดว่าเขาจะเอาใครเป็นผู้แทนราษฎรของเขา ตรงนี้เป็นอรรถรสและสีสันของการเมือง ถ้าใครที่ไปอินและเศร้าใจ เสียใจ ซีเรียส โมโหโทโสต่างๆ ก็ไม่ต้องเล่น แต่ถ้าเราคิดมาทำตรงนี้ คิดเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนในสภา ก็ต้องรับสภาว่านี่คือ การเมือง และการเมืองก็ต้องบยอมรับว่ามันไม่สะอาด มันสกปรก แม้แต่ทุกวันนี้่ก็ยังมีคนส่งรูปโป๊ดิฉันมาให้ดู ซึ่งดิฉันก็พยายามอธิบาย คนสำคัญที่สุดในชีวิตคือลูกชาย ถามว่าเชื่อมั้ยว่าเป็นรูปแม่ เขาก็หัวเระา และบอกว่าแม่ไม่มีทางทำแบบนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกชาย แต่โชคดีดิฉันโตมาในสังคมแวดวงการเมือง เรื่องใส่ร้ายป้ายสีเกิดมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ”

เราชิน เรารับได้แล้ว พูดง่ายๆ?
“เรารับได้ และเราก็อยากให้ลูกรับได้ อย่างตอนดิฉันเป็นเด็ก ดิฉันเห็นภาพคนโทรศัพท์มาขู่จะฆ่าคุณพ่อ สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือ แม่รับโทรศัพท์บ้าน คุณแม่ก็บอกคุณพ่อว่า เขาจะไม่ให้เห็นหน้าลูกและเมียภายใน 7 วัน วันนี้มาหลายสายเลย แม่เขาชิล ดิฉันเติบโตมาเห็นการข่มขู่ใส่ร้ายป้ายสี สิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ แต่ดิฉันก็ยึดมั่นว่าคุณพ่อเป็นคนดี เดินหน้าปราบคอร์รัปชั่นต่างๆ และตอนนี้ลูกชายดิฉันอายุ 10 ขวบ ก็พยายามให้เขาเข้าใจว่าคุณแม่อยู่ในจุดที่ทำงานและต้องถูกอะไรต่ออะไรเยอะ เขาก็เข้าใจ”

เราเห็นธรรมเนียมแบบนี้จนปรับสภาพได้ และเข้าใจแล้ว ด้านครอบครัวก่อนหน้านี้แต่งงาน มีครอบครัวก่อนมีลูกชาย ตอนนั้นครอบครัวรับได้เข้าใจมั้ย?
“ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนั้นโซเชียลไม่แรงขนาดนี้ก็ยังมีปัญหา สามีเก่าไปอ่านเจอคอมเมนต์ แต่งงานกับไอ้เตี้ยที่เชียงใหม่อะไรแบบนี้ เขาก็โกรธดิฉันมาก ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นคนคอมเมนต์ เราก็พยายามอธิบายว่า การอยู่จุดนี้จะถูกวิจารณ์ทุกเรื่อง มันเป็นเรื่องปกติ ก็พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจเหมือนกัน เขาหงุดหงิดมาก แต่ก็ดีค่ะ วันนี้ก็เลิกกันไปแล้ว เขาก็ไปกับคนอื่นแล้ว (หัวเราะ) เขาก็มีความสุขของเขา”

จุดนี้มั้ย เป็นสาเหตุของการหย่าร้าง?
“ไม่น่าใช่นะคะ ดิฉันมีปัญหากับสามีมาโดยตลอด ในที่สุดก่อนดิฉันเซ็นใบหย่า มีการคลอดลูกกับคนอื่น 3 เดือนก่อนหย่ากัน ก็เป็นหลายสาเหตุที่ผู้หญิงประสบอยู่ มีปัญหาระหองระแหงกันตลอด ทะเลาะกันเยอะ”

ทุกวันนี้คุยกันมั้ย?
“ไม่คุยค่ะ”

พอมีสีสันในสภา เขามีคอมเมนต์อะไรบ้างมั้ย?
“ไม่ทราบค่ะ แต่เห็นเขามีความสุขกับครอบครัวใหม่ ก็ดีใจกับเขา”

ตอนนี้โสด?
“โสดและมีลูกชายค่ะ คิดว่าอีก 5-6 ปีอยากมีแฟน ตอนนี้งานเยอะ พยายามเตรียมหาซื้อที่ดินทำฟาร์มไก่ใหม่ด้วย (หัวเราะ) ชอบเลี้ยงไก่”

มีคนเข้ามาจีบมั้ย?
“สมัยไม่ดังก็มีคนจีบค่ะ แต่พอดังไม่มีคนจีบแล้วค่ะ ดังปุ๊บคนไม่จีบเลย เพราะภาพมันเหมือนเราแรง คนก็จะกลัว คิดว่าแบบนั้นนะคะ”

อะไรเป็นสาเหตุทำให้เราดัง?
“วันนี้มีพื้นที่โซเชียลมีเดีย ซึ่งสมัยก่อนไม่มี พอมีโซเชียลขึ้นมาและเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงออกความคิดเห็นต่างๆ และการแสดงออกของดิฉันไปถูกใจคนเยอะ และไม่ถูกใจคนเยอะ ก็เกิดกระแสขึ้นมา อย่างทุกครั้งที่ไปออกรายการจะมียอดวิวสูงมาก มันเกิดจากการที่ดิฉันตอบคำถามเท่านั้นเอง”


ทุกครั้งการออกความคิดเห็น มันออกมาจากความต้องการของเราโดยตรงมั้ย
?
“ถามมาตอบไปค่ะ ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พอเราพูดหรือโพสต์อะไรออกไป ทำให้มีคนชอบมากและเกลียดมาก เท่านั้นเอง”

แต่มีกระแสว่าคุณเอ๋ไม่ได้จบเมืองนอก?
“เป็นกระแสโจมตีค่ะ ทุกวันนี้ยังถูกโจมตีอยู่ แต่เชื่อว่า ณ วันนั้นที่มาใหม่ๆ คนเชื่อเยอะ ดูถูกดูหมิ่นดูแคลนกัน ลดศักดิ์ศรี ดิสเครดิตทุกอย่าง แต่คิดว่าตอนนี้พี่น้องประชาชนเริ่มแยกแยะออกแล้วว่าอะไรคือโซเชียลมีเดีย อะไรคือความบันเทิง อะไรคือเกรียนสนุกกัน และเชื่อว่าอาจมีกระบวนการด้วยหน่อยๆ เพราะผู้ใดที่เห็นต่างก็โดนหมด ดิฉันเป็นรุ่นแรกที่โดน ประชาชนเริ่มมองเห็นแล้ว”

แสดงว่าไม่จริง?
“ไม่จริง เป็นการโจมตีดิสเครดิตกัน ดิฉันใช้วุฒินั้นในการสมัคร ส.ส. ถ้าดิฉันไม่จบก็ต้องมีปัญหา”

เป็นดาวสภาในระยะที่ผ่านมา ไปเล่นติ๊กต่อกด้วย เพราะอะไร?
“เจอนักข่าวที่สภา บอกว่าทำไมปารีณาไม่เล่นติ๊กต่อก ก็เลยบอกว่าเล่นไม่เป็น นักข่าวที่สภาก็สอนเลย ก็เลยโพสต์ไป คนดูเยอะ มีเต้นอันสองอัน ว่าจะเต้นเพิ่มเหมือนกันแต่ไม่มีเวลา เพิ่งจะทราบว่าพอเราลงพื้นที่ กลายเป็นเด็กเล็กๆ วิ่งมาขอถ่ายรูป แสดงว่าติ๊กต่อกเด็กกเล่นเยอะ แล้วก็มีคนอื่นเอาคลิปดิฉันไปตัดต่อเพื่อความบันเทิงเยอะ ดิฉันดูก็ตลกเหมือนกัน”

มีคนล้อเลียนเยอะ?
“ใช่ มีคนปลอมเป็นดิฉันก็เยอะ ก็สนุกดี เป็นบันเทิงไป ไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้เอาเรื่องใคร”

เวลาเขาเอารูปเรามาล้อเลียน เห็นแล้วรู้สึกยังไง โกรธมั้ย?
“รู้สึกว่าเป็นแค่ผู้แทนราษฎรตัวเล็กๆ คนนึง ไม่ได้มีความสำคัญเท่าไหร่ ถ้าใครจะเอาดิฉันไปเพื่อความบันเทิง ก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่ถ้าเอาไปตัดต่อรูปโป๊ ดิฉันไม่พอใจ ถ้าเอาไปทำบันเทิงในลักษณะเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดีก็ไม่เป็นไร”

คิดมั้ยว่าภาพนักการเมืองไม่ควรมีภาพออกมาเต้น ร้องเพลง ออกมาในแนวบันเทิงเยอะ เพราะมันดูไม่เป็นนักการเมือง?
“มีผู้ใหญ่ในพื้นที่ราชบุรีพูดแบบนี้เหมือนกัน เขาพูดว่าเราไม่ควรเต้นติ๊กต่อก ไม่ควรเล่นติ๊กต่อกด้วย ก็รับฟังได้ แต่โดยปกติกลางคืนดิฉันก็รำวงเยอะ รำวงย้อนยุคไปเต้นรำ ไปร้องเพลงเยอะเลยค่ะ เข้าใจว่าภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถืออาจลดลงจากการที่เราไปเต้นรำ แต่มั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ตัดสินใจและน้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว”

บุคลิกลักษณะนิสัยโดยเฉพาะการออกมาตอบโต้ แสดงความคิดเห็นหลายเรื่อง เราตั้งใจสร้างภาพของเราให้เกิดขึ้นในสังคม ในสภามั้ย?
“ไม่ได้ตั้งใจ เพราะอย่าลืมว่าผู้แทนราษฎรของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในเฟซบุ๊กเหมือนกันเลย ฝ่ายค้านก็ด่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลก็ด่าฝ่ายค้าน แต่สังเกตอย่างนึง ดิฉันก็มีพฤติกรรมเดียวกันกับเฟซบุ๊กสองฟากฝั่ง แต่ประชาชนอาจให้ความสนใจดิฉันเยอะแค่นั้นเอง”

คิดว่าเพราะอะไร?
“เพราะถูกใจและไม่ชอบใจ แต่คนอื่นก็โพสต์กันทั้งวันเหมือนกัน”

บางคนอาจมองว่าเราเหมือนตัวตลก ติงต๊อง ไม่เต็ม เคยได้ยินแบบนี้มั้ย?
“เคยค่ะ มดดำก็พูดอยู่ค่ะ เรื่องตลก ดิฉันเป็นคนตลกจริงๆ”

เขาไม่ได้มองในเรื่องคนเอ็นเตอร์เทน แต่เขามองเราเป็นตัวตลก?
“ก็เป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าดิฉันติงต๊องจริง ใครจะมาเลือกดิฉัน ใครจะให้ความสนใจขนาดนี้ เพราะทุกคำพูดถ้าดูในสิ่งที่ดิฉันพูดหรือโพสต์ มันมีความหมาย มีสิ่งที่พยายามสื่อสารให้พี่น้องประชาชนทราบ แต่อาจแฝงด้วยมุกตลกเข้าไปเล็กน้อยด้วยลักษณะนิสัย”

พูดไปพูดมาเหมือนวกไปวนมา พูดไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้เรื่อง อันนั้นตั้งใจ?
“ไม่ได้ตั้งใจ เป็นเรื่องที่พยายามแก้ไขอยู่ ขนาดพูดกับลูกชายเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจดิฉัน พูดภาษาอังกฤษ ไทยก็ไม่เข้าใจ เขาว่าคุณแม่เข้าใจยาก (หัวเราะ) พยายามแก้ไขอยู่ อาจจะเป็นเพราะบางวันพักผ่อนน้อยจริงๆ ดิฉันเป็นคนงานเยอะมากๆ เพราะทำงานในสภาและนอกสภา นอกจากรับเรื่องร้องเรียนพี่น้องในพื้นที่แล้ว ทั่วประเทศก็มาร้องเรียน วินมอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศไทยก็มาร้องเรียนดิฉัน ถูกอิทธิพลทำร้ายร่างกายยึดวินคืนก็มาร้องเรียน รถตู้ไม่ได้รับการเยียวยาอะไรต่างๆ ก็มาช่วยกันหาทางออกในสภา ดิฉันรับเรื่องทั่วแผ่นดินเลยค่ะ และตอนนี้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย เน้นเลี้ยงดูด้วยตนเอง”

มีหลายบทบาทหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ?
“ใช่ค่ะ ดิฉันงานเยอะจริงๆ พักผ่อนน้อย ก็ยอมรับว่าบางวันอาจจะเบลอค่ะ การพูดไม่รู้เรื่องบางครั้งก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งว่าดิฉันก็พูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)”

คดีความก็เยอะ มีกี่คดีที่ยังไม่จบ?
“มีคดีอาวุธสงคราม ฟาร์มไก่ และคดีหมิ่นประมาทต่างๆ หมิ่นประมาทประมาณ 4 คดี มีทั้งเขาฟ้องเราและเราฟ้องเขา”

เบื่อมั้ย เวลาเป็นคดีความเยอะๆ หรือกลัวมั้ย?
“เฉยๆ ค่ะ เป็นระบบกล่าวหา ว่ากันที่ศาลได้”

คดีปืนเถื่อนที่มีข่าว เรื่องราวเป็นยังไง?
“คดีค้าอาวุธสงคราม เป็นคดีที่ดิฉันไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ดิฉันเป็นคนล่อซื้อและพาเจ้าหน้าที่ ตร.ไปวางกำลังในคอนโดและจับกุม ภายหลังการจับกุมประมาณ 3 เดือนซัดทอดกลับมาว่าคลังอาวุธทั้งหมดในห้องเป็นของดิฉัน ก็เป็นระบบกล่าวหา ก็ว่ากันไปสู่กระบวนการยุติธรรม ว่ากันอยู่ที่ศาลตอนนี้”

ซึ่งตามข่าวบอกว่าเราเป็นคนซื้อ?
“โทรสั่งซื้อให้มาส่งที่ห้องค่ะ เจ้าหน้าที่เขาวางกำลังไว้หมดแล้ว เป็นลักษณะล่อซื้อ”

มีเรื่องส่วนตัวบาดหมางอะไรกับคนค้าอาวุธสงคราม?
“ก็มีนะคะ ดิฉันไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่”

เป็นจุดหนึ่งที่เรียก ตร.ไปจับเขาด้วย?
“ส่วนหนึ่งค่ะ และเป็นเรื่องความปลอดภัยด้วย”

คดีที่ดิสเครดิตเรามากที่สุด คือคดีบุกรุกพื้นที่ป่า จริงๆ แล้วเป็นยังไง?
“ฟาร์มไก่นี้ดิฉันเข้าไปทำกินและเลี้ยงไก่นานแล้ว เป็นการซื้อต่อจากชาวบ้าน และเป็นพื้นที่สปก. เขาตีความอย่างนั้นก็ว่ากันไป แต่ดิฉันไม่ได้บุกรุกป่า ดิฉันยืนยันความบริสุทธิ์และทำอย่างเปิดเผย มีการแจ้งทรัพย์สินมาโดยตลอด และเสียภาษีอย่างถูกต้อง เสียภาษีรายได้ เสียภาษีดอกหญ้าที่ที่ดิฉันเข้าไปเลี้ยงไก่อยู่ แต่ดิฉันก็มีข้อสงสัยเยอะก่อนที่ที่ดินดิฉันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็เป็นระบบกล่าวหา ดิฉันก็ต้องสู้ แต่สงสัยว่าตอนนี้ 2 ปีแล้วที่ดิฉันไปแจ้งที่ดินคุณแม่ธนาธร ว่าออกโฉนดเอกสารสิทธิ์ในที่ป่าสงวนแห่งชาติได้อย่างไร และพื้นที่ 3 พันกว่าไร่ ดิฉันไปทวงคืน คุณแม่ธนาธรก็คืนกลับทำเป็นพื้นที่ป่าชุมชน คืนแล้วจบ เป็นพื้นที่ป่า ของดิฉันเป็น สปก. ด้วยนะคะ คืนแล้วไม่จบ ต้องสู้ต่อ ก็ฝากด้วยว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันยังไง ทำไมถึงยังลอยนวล ลอยหน้าลอยตากันอยู่อย่างนี้”

ตอนเราซื้อ เราซื้อมาอย่างถูกต้อง ด้วยเจตนาบริสุทธิ์?
“เขาขายต่อๆ กันมาตามเอกสาร แต่พอตอนหลังเขามีการปฏิรูปก็กลายเป็น สปก.”

เพราะเราไปแฉคนอื่นเรื่องเลยกลับมาที่เรา คิดมั้ยว่าเราไม่น่าพูดเรื่องนี้เลย จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย?
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำให้มันถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็คืนเขาไป ทำให้ถูกต้องแค่นั้นเอง เพราะตรงนั้นมันไม่ใช่พื้นที่ป่าอยู่แล้ว มันเป็นสปก. ตามระเบียบประกาศเลย แต่พื้นที่คุณแม่ธนาธรเป็นป่าไม้ถาวรและเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติอย่างชัดเจน แต่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย ก็เป็นข้อสงสัยของสังคมอยู่แล้ว น้องชายธนาธรคดี 20 ล้านติดคุกแล้ว 2 คน แต่น้องชายธนาธรไม่ถูกกล่าวหาใดๆ เลย เช่นเดียวกับคุณแม่ธนาธร นี่คือความเหลื่อมล้ำของสังคม”

คิดว่าคดีนี้เราจะจบอย่างขาวสะอาดมั้ย?
“ดิฉันมั่นใจเพราะไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้นเลย ดิฉันเปิดเผยทุกอย่าง แม้แต่เฟซบุ๊ก ดิฉันถ่ายรูปตอนเลี้ยงไก่ ร้องเพลงให้ไก่ฟัง ตลอดเวลาไม่ได้ไปแอบเลี้ยงอะไรเลย พี่น้องประชาชนก็มาทำงานในฟาร์มเยอะแยะ ไม่ได้ปิดบังอะไร ป.ป.ช. แจ้งสมัยปี 2548 ด้วยซ้ำ”

เวลามีคดีความเยอะๆ ทำให้เสียเวลาทำงาน?
“มีทนายความเก่งก็ให้เขาว่าไป เพราะข้อกฎหมายดิฉันไม่รู้ ไม่รู้กฎหมายสปก. กฎหมายป่าไม้ ให้ทนายดำเนินการไป พลเอกประวิตรก็ส่งคุณทศพลมาดูแลดิฉันในเรื่องนี้”

เคยคิดมั้ยหรือสงบปากสงบคำลงหน่อยเพื่อให้มีคดีความน้อยลงหน่อย จะได้ไปอยู่กับลูกมากขึ้น?
“ถ้าสงบปากสงบคำเพื่อให้คดีน้อยลงมันไม่จำเป็น เพราะเป็นระบบกล่าวหา ต่อให้สงบปากสงบคำคนก็กล่าวหาได้ เป็นกฎหมายไทยอยู่แล้ว ไปว่ากันที่ศาลเลย แต่สำหรับลูกชายดิฉันมีเวลาให้ลูกเยอะ สิ่งแรกที่กลับไปคือต้องทานข้าวกับลูกและเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน มั่นใจว่าลูกดิฉันเป็นคนเด็กแฮปปี้ ขี้เล่นเหมือนดิฉันเป๊ะเลย”

ลูกโดนบูลลี่บ้างมั้ย พอคนรู้ว่าคุณแม่คือคุณเอ๋?
“ยังไม่ปรากฏ ณ ตอนนี้ แต่มีเขาโทรศัพท์เล่นเกมกับเพื่อน ดิฉันไปคุยกับเขาด้วย เขาเปิดโฟน ถามว่าเขากินอะไรตัวสูง แล้วแม่เขาได้ยินก็มาบอกว่าสู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ เชื่อว่าการถูกบูลลี่ตัวดิฉันในโซเชียลเป็นแค่คนกลุ่มเดิม กลุ่มเล็กๆ ดิฉันเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่อยู่ฝั่งเดียวกับดิฉันค่ะ”

ลูกชายเข้าใจมั้ย?
“เข้าใจค่ะ เคยลองถามเขาดูเล่นๆ เหมือนกัน เขาก็ยืนข้างแม่เขาตลอด ดิฉันเลี้ยงลูกด้วยตนเองและเลี้ยงใกล้ชิดมาก ดิฉันมั่นใจว่าเขาไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”

ลูกโตพอที่จะรับรู้ได้ อธิบายให้เขาฟังมั้ยเรื่องคดีบุกรุกป่า หรือหมิ่นประมาท?
“อธิบายตลอดค่ะ อธิบายทุกเรื่อง เขาก็ให้กำลังใจดิฉัน มีบางวันดิฉันต๊อแต๊ เขาก็จะร้องเพลงให้ฟัง เขาถ่ายวิดีโอคู่ดิฉันแล้วบอกว่าถ้ามีวันไหนดิฉันเหนื่อยให้ดูวิดีโอนี้ คุณแม่จะได้มีพลัง มีรูปภาพอะไรเยอะ ก็เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต”

สอนลูกยังไงในการดำเนินชีวิต หรือการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม?
“ดิฉันจะบอกให้ลูกชายเป็นตัวของตัวเองและให้ฟังแม่ที่สุดของชีวิตเพราะดิฉันไม่ถูกต้องทุกอย่างแต่เป็นคนที่ปรารถนาดีที่สุดกับลูก ดังนั้นแนะนำไปให้รับฟังด้วย และคิดยังไงให้โต้ตอบกลับมา เราสัญญากันว่าจะให้เกียรติกัน ถ้าดิฉันจะกลับบ้านดึกก็ต้องขออนุญาต ถ้าเขาไปไหนต้องขออนุญาต ดิฉันจะกินอะไรก็ต้องขออนุญาต เขาจะเป็นเหมือนเพื่อนกัน ดูแลกัน”

มีโอกาสไปรับลูกที่โรงเรียนมั้ย?
“บ้างค่ะ”

เพื่อนๆ ลูกๆ หรือผู้ปกครอง หรือครูที่โรงเรียน เขาตกใจมั้ย ทราบมั้ยว่าเป็นลูกคุณเอ๋?
“ดิฉันไม่ค่อยได้ไปค่ะ เพราะดิฉันงานเยอะ ตอนนี้โควิดส่งแค่ประตู แล้วนานาชาติด้วย เขาอาจไม่ได้รู้จัก ทุกคนต้องรีบกลับบ้านกันหมด หลังเลิกเรียนก็ไม่ได้อยู่เล่นแล้วด้วย”

เราตั้งใจให้ทุกเรื่องทุกข่าวของเราเป็นกระแสไปหมดมั้ย?
“ทุกการเคลื่อนไหวได้พื้นที่สื่อตลอดเวลา ก็เป็นสิ่งที่โชคดี เพราะบางข้อความที่ต้องการส่งต่อประชาชนมันสำคัญ ก็รู้สึกดีใจ แต่ไม่ได้มีเจตนาว่าต้องทำให้ได้ เพราะบอกตรงๆ ถามนักข่าวที่สภา ดิฉันไม่ได้ดูแลสื่อเลย แต่ได้รับความเมตตาจากทุกสื่อ ดูจากยอดติ๊กต่อก 700-800 ล้านวิวแล้ว แล้วในเฟซบุ๊กคนส่องมหาศาล เป็นช่องหนึ่งเลย มีคนเข้ามาส่องเยอะทุกวัน ดิฉันก็พยายามเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมือง”

การที่คนมาส่องเยอะๆ ถือว่าเป็นความสำเร็จในอาชีพเรามั้ย?
“ไม่ใช่ความสำเร็จค่ะ มันเกิดขึ้นมาเอง เพราะทุกคนก็เล่นติ๊กต่อก ทำไมยอดติ๊กต่อกดิฉันถึงมหาศาลขนาดนี้ ทำไมเฟซบุ๊กถึงมีคนมาส่อง และสื่อเอาคำพูดดิฉันไปทำในสื่อที่มีพื้นที่จำกัด อาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ เพราะเป็นการอยู่ในส่วนของฝั่งที่ต่อสู้กับอีกฝั่งนึง”

มีหลายคนบอกว่าพอมีกระแสการเมืองที่ร้อนแรง คุณเอ๋ออกมาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเสมอ เป็นหน้าที่ของเราหรือเปล่า?
“มันไม่เกี่ยวค่ะ มันดังจริงๆ ทำอะไรก็ดังไปหมด ก็ช่วยไม่ได้ ไม่ได้มีเจตนา สื่อเขาทำเอง ดิฉันไม่ได้มีเจตนา แล้วบางประเด็น โพสต์ไป สาระเยอะหน่อยก็ไม่ได้พื้่นที่ แต่สื่อสนใจในประเด็นอะไรแบบนั้น”


เรารู้เลยออกมาตรงนี้แหละเพื่อดึงความสนใจ
?
“ไม่มีเจตนาจริงๆ ค่ะ เป็นไปตามธรรมชาติทั้งหมด เป็นคนชอบอ่านข่าว เห็นข่าวอะไรก็โพสต์ๆ โพสต์ไปโพสต์มาสื่อรวมตัวจับประเด็นนี้เล่นกันเอง”

คนชอบกับคนไม่ชอบ คิดว่าอย่างไหนมากกว่ากัน?
“ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่ก็ไม่มีอะไร มีคนให้กำลังใจเยอะ”

คิดว่าจะเป็นนักการเมืองไปถึงเมื่อไหร่?
“ก็เป็นไปเรื่อยๆ ค่ะ พยายามทำให้ดีที่สุดทุกวัน”

นอกจากการเมือง มีการมองอาชีพอื่นๆ มั้ย?
“ตอนนี้เหลือวัว ก็เลี้ยงวัวอยู่ ฝากไว้ตามบ้านเพื่อนค่ะ วัวมหาศาล 500 ตัวเยอะมาก ก็ฝากเพื่อนๆ ดูแลอยู่”

ถ้าไม่ทำการเมืองจะทำอะไร จะเลี้ยงวัว เลี้ยงไก่?
“ค่ะ ดิฉันชอบอาชีพนี้ มันสนุกดีค่ะ อยากเป็นเกษตรกรแบบนี้ไปเรื่อยๆ และพ่วงนักการเมืองด้วย เพราะเราเป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่”

การเป็นนักการเมืองได้เงินเยอะมั้ย?
“ไม่เยอะค่ะ มีแต่ค่าใช้จ่าย แต่พอโดนยึดฟาร์มไก่ไปก็จะบอกเขาตรงๆ เพราะบางคนมาขอยืมตังค์เราก็จะบอกว่าไม่ให้ ให้ทุกคนได้ไง (หัวเราะ) โกรธไม่โกรธก็แล้วแต่เขา เพราะเราพูดความจริง”

ปี 64 มองสถานการณ์บ้านเมืองประเทศเรายังไง?
“ก็หวังว่าจะดีขึ้นจากปีที่แล้ว ต้องให้กำลังใจพลเอกประยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาโควิดต่อ โควิดที่เกิดขึ้นครั้งใหม่ ถ้าย้อนไปดูเมื่้อ 2 เดือนที่แล้ว ศิริราชออกมาเตือนแล้ว ว่าโควิดรอบใหม่กำลังจะมาถึง เพราะโควิดรอบใหม่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว และก็เป็นตามนั้นจริงๆ ขณะเดียวกันเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะพาประเทศในการก้าวพ้นโควิดรอบใหม่ได้ และพาพวกเราผ่านพ้นโควิดเศรษฐกิจรอบนี้ด้วย เพราะพี่น้องได้รับผลกระทบในรอบนี้เยอะ การเยียวยาออกมาใช้เงินต่างๆ ก็ได้ผลดีจริงๆ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน”

“ส่วนน้องตี๋หัวตั้งอยากให้เบาๆ หน่อย เพราะพี่น้องประชาชนตั้งจิษอธิษฐานอยากให้เขาติดคุก ทั้งแม่และน้องชายและเขาด้วย เพราะจะทำให้บ้านเมืองหมดความวุ่นวายและร่มเย็นเหมือนที่เคยเป็นมา ไม่มีคนไปปั่นเยาวชนให้ออกมาด่าคนโน้นคนนี้ บ้านเมืองก็จะดีขึ้น อยากให้ปี 64 บ้านเมืองสงบสุข”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image